xs
xsm
sm
md
lg

สองแม่ลูกโร่ร้องสื่อหลังถูกดองคดีฉ้อโกงนาน 2 ปี ตร.อ้างต้องใช้เงินในการติดตามผู้ต้องหา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สองแม่ลูกชาวสงขลาโร่ร้องสื่อหลังถูกดองคดีฉ้อโกงนาน 2 ปี โดยตำรวจได้มีการออกหมายจับแล้วแต่ไม่จับ อ้างต้องใช้เงินในการติดตามผู้ต้องหา

วันนี้ (4 ส.ค.) นางพวงทอง เดชะป้อม อายุ 54 ปี และ น.ส.นาตาชา เดชะป้อม สองแม่ลูก อยู่บ้านเลขที่ 90/232 หมู่ 3 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ได้นำบันทึกประจำวัน พร้อมหมายจับที่ออกโดย สภ.เมืองสงขลา และเอกสารจากคุยโต้ตอบทางโทรศัพท์กับผู้ต้องหาจำนวนหนึ่ง มาแสดงเป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชน ถึงความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งได้ทำการฉ้อโกงครอบครัวของผู้ร้องทุกข์

โดย นางพวงทอง และ น.ส.นาตาชา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา ได้มีผู้แฮกไลน์ของ นายพรชพล หรือแสน มุกดา ซึ่งเป็นนักธุรกิจ และเป็นสามีของ น.ส.นาตาชา มายังไลน์ของ นางพวงทอง เพื่อให้โอนเงินให้กับบัญชีที่ส่งมาให้เพื่อจ่ายค่าอะไหล่เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจของนายพชรพล ทำให้นายพวงทอง ไม่สงสัย และไม่มีการตรวจสอบกับผู้เป็นลูกเขย โดยมีการส่งไลน์ในชื่อ นายพรชพล มาจำนวน 2 ครั้ง รวมเงินที่โอน 80,000 บาท แต่หลังจากที่โอนเงินแล้วปรากฏว่า นายพรชพล ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า ไลน์โดนแฮกมีคนในครอบครัวหลายคนที่ได้รับข้อความทางไลน์ของตนให้โอนเงิน ตนจึงรีบไปแจ้งความยัง สภ.เมืองสงขลา ในทันทีเพื่อขอให้มีการอายัดบัญชีปลายทางที่โอนไป โดยบัญชีต้นทางเป็นชื่อของ นายแดนทอง เดชะป้อม ซึ่งเป็นสามีของตน


และในวันเดียวกัน นายแดนทอง จึงได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุชาติ สงสม ร้อยเวร สภ.เมืองสงขลา เพื่อให้ติดตามดำเนินคดีผู้ที่แฮกไลน์และเป็นเจ้าของบัญชีที่ตนได้โอนเงินเข้าไป 2 ครั้ง จำนวน 80,000 บาท หลังจากนั้นตนและครอบครัวได้ช่วยกันหาหลักฐานจนทราบว่าผู้ที่แฮกไลน์มาฉ้อโกงให้ครอบครัวของตนโอนเงินให้ชื่อ น.ส.เขียว อายุ 18 ปี (นามสมมติ) อยู่ในพื้นที่ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งในการโทรศัพท์ติดต่อ น.ส.เขียว ให้การยอมรับว่าบัญชีที่มีการโอนเงินเป็นของเธอ แต่ขายบัญชีให้คนอื่นไปแล้ว

จากนั้นจึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งการสนทนาและเอกสารที่หามาได้ให้พนักงานสอบสวน จนนำมาสู่การออกหมายจับ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 แต่จนถึง ณ วันนี้ เจ้าหน้าที่ยังจับตัวผู้ทำความผิดตามหมายจับมาลงโทษไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ได้มาร้องขอความเป็นธรรม และเพื่อให้นายตำรวจระดับผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับทราบ


โดย นางพวงทอง กล่าวว่า ได้ติดตามคดีนี้มาโดยตลอดจากเจ้าหน้าที่หลายระดับชั้นของ สภ.เมืองสงขลา และเคยเข้าพบกับ ผกก.สภ.เมืองสงขลา ด้วยแล้ว แต่ปรากฏว่าคดีไม่มีความคืบหน้า ซึ่งมีนายตำรวจนายหนึ่ง ได้ขอให้ตนช่วยเหลือค่าติดตามจับกุมผู้ต้องหาด้วยเงิน 15,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย นอกจากนั้น ตนได้ติดต่อกับทาง สภ.แม่สาย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหา เพื่อติดตามความคืบหน้า และมีการแจ้งว่าถ้าจับผู้ต้องแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายในการส่งตัวผู้ต้องหามายัง สภ.เมืองสงขลา ขอให้ตนเองช่วยเหลือค่าเดินทาง และยังมีการถามตนเองว่ายังต้องการให้จับกุมผู้ต้องหาอยู่หรือไม่

ตนเห็นว่าทั้ง 2 กรณีเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นหน้าที่ของตำรวจในการติดตามจับกุม และการส่งผู้ต้องหามาดำเนินคดี ตนเห็นว่าคดีนี้แม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่เมื่อรู้ตัวผู้ต้องหาและมีการออกหมายจับแล้ว และผู้ต้องหายังอยู่ในภูมิลำเนา จึงได้มาร้องเพื่อขอความเป็นธรรม และอีกประเด็นคือต้องการให้สังคมรับรู้เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหาคนดังกล่าว ซึ่งจากการพูดคุยทางโทรศัพท์มีอาการตกใจและมีการท้าทายให้ออกหมายจับด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น