ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กฟผ.วางมาตรการ 5 ด้าน รับมือแหล่งก๊าซฯ JDA-A18 หยุดจ่ายก๊าซฯ ซ่อมบำรุงประจำปีรวม 14 วัน ตั้งแต่ 1-14 ส.ค.นี้ ยืนยันไม่กระทบการใช้ไฟฟ้าภาคใต้
วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง กฟผ.เตรียมมาตรการ 5 ด้าน รองรับแหล่งก๊าซธรรมชาติพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA-A18) หยุดจ่ายก๊าซฯ เพื่อซ่อมบำรุงประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1-14 ส.ค.นี้ ยืนยันไม่ส่งผลต่อการใช้ไฟฟ้าภาคใต้ พร้อมรณรงค์ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมประหยัดพลังงานในช่วงเวลา 18.00-21.30 น.
โดย นายกิตติ เพ็ชรสันทัด รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า แหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ JDA-A18 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีกำหนดซ่อมบำรุงรักษาประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1-14 ส.ค.นี้ รวม 14 วัน และจะส่งผลให้ไม่สามารถส่งจ่ายก๊าซฯ ให้กับโรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ได้ตามปกติ
ทาง กฟผ.ได้เตรียมความพร้อมรบมือเอาไว้แล้ว โดยให้โรงไฟฟ้าจะนะ เปลี่ยนเชื้อเพลิงในการการผลิตไฟฟ้า จากก๊าซฯ มาใช้น้ำมันดีเซลทดแทน และเตรียมพร้อมมาตรการ 5 ด้าน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชนในภาพรวม ซึ่งประกอบด้วย ด้านเชื้อเพลิง ได้สำรองปริมาณน้ำมันดีเซลไว้สำหรับเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะ ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในช่วงเวลาหยุดจ่ายก๊าซฯ รวมทั้งมีแผนรองรับหากการทำงานล่าช้ากว่ากำหนด
ด้านระบบผลิต เตรียมการให้โรงไฟฟ้าจะนะ เดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซล พร้อมประสานโรงไฟฟ้าอื่นๆ ในภาคใต้ ได้แก่ โรงไฟฟ้าขนอม โรงไฟฟ้ากระบี่ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา เขื่อนบางลาง โรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านสันติ และโรงไฟฟ้า SPP ให้เตรียมเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต ทำให้มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 2,914 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของภาคใต้ ที่คาดการณ์ในช่วงเวลาการหยุดจ่ายก๊าซฯ ไว้ประมาณ 2,500 เมกะวัตต์ และในกรณีฉุกเฉินสามารถรับไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียได้ทันที
ส่วนด้านระบบส่ง มีการส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงจากภาคกลางมายังภาคใต้อีก 800-1,100 เมกะวัตต์ ผ่านสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ (kV) บางสะพาน 2-สุราษฎร์ธานี 2-ภูเก็ต 3 อีกทั้งตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และอุปกรณ์สำคัญให้พร้อมใช้งาน รวมถึงงดการทำงานบำรุงรักษาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง
ด้านบุคลากร ได้จัดเตรียมทีมงานเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเข้าแก้ไขสถานการณ์ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และด้านผู้ใช้ไฟฟ้า กฟผ. ขอความร่วมมือจากภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ร่วมกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1-14 ส.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลา 18.00-21.30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด
รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังระบุด้วยว่า กฟผ.ได้จัดเตรียมมาตรการรองรับการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง JDA-A18 อย่างเต็มที่ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสามารถเข้าแก้ไขสถานการณ์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทันที ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ จะมีความมั่นคงและเพียงพอ ไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน