ชุมพร - ชาวบ้านแห่แจ้งความอดีตนักการเมืองดัง พ่อ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เก็บเงินค่ามัดจำโควตารับซื้อกล้ากระท่อมหลายแสนต้น แล้วผิดสัญญา ทวงถามแล้วถ่วงเวลา ทำเสียหายนับล้านบาท
เมื่อเวลา 11.35 น.วันนี้ (18 ก.ค.) นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู นางราตรี สุคันโท นางวรารัตน์ มาลัยล้อม นางกัณธิชา จันเพชร์ และสมาชิกกลุ่มปลูกพืชกระท่อมนิคมท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จำนวน 17 คน พร้อมทนายความนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.มธกร ฤทธิ์เนื่อง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอดีตนักการเมืองคนดัง และเป็นบิดาของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ได้ผิดสัญญาทำให้เกิดความเสียหายเป็นเงินจำนวนนับล้านบาท
โดยนางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู ได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.65 ที่ผ่านมา บุคคลมีชื่อเสียงดังกล่าวได้เรียกประชุมกลุ่มเกี่ยวกับโครงการจองโควตาต้นกล้ากระท่อม ที่บ้านเลขที่ 164 หมู่ 18 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ในวันดังกล่าวมีผู้ร่วมประชุมประมาณ 30 คน โดยได้ชักชวนให้ผู้ร่วมประชุมจองโครงการต้อนกล้ากระท่อม โดยอ้างว่าตนเองได้ทำสัญญากับบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ โดยให้ผู้เข้าร่วมประชุมปลูกต้นกล้ากระท่อมแล้วจะรับซื้อในราคาต้นละ 30 บาท มีกำหนดส่งมอบต้นกล้ากระท่อมในเดือนพฤษภาคม 2565 แต่ผู้ร่วมโครงการต้องทำสัญญาจองโควตาการส่งมอบดังกล่าวต้นละ 1 บาท แล้วทางบริษัทจะรับซื้อต้นกล้าพืชกระท่อม
ในวันดังกล่าวได้มีสมาชิกของกลุ่มจำนวน 17 คนที่เข้าร่วมโครงการ แล้วทำสัญญาจองโคตากับบุคคลดังกล่าวรวมจำนวน 430,000 ต้น โดยแต่ละคนที่ทำสัญญาได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารชื่อบุคคลดังกล่าว หลังจากนั้นผู้ร่วมโครงการทั้งหมดได้ลงทุนปลูกต้นกล้าพืชกระท่อมตามจำนวนที่จองโควตาต้นละ 1 บาท รายละ 10,000-100,000 ต้น รวม 17 คน จำนวน 430,000 ต้น
หลังจากครบสัญญาไปแล้ว กระทั่งต้นเดือนมิถุนายน 65 บุคคลดังกล่าวไม่มารับต้นกล้าพืชกระท่อมจากสมาชิกในกลุ่ม ทางกลุ่มจึงได้ติดต่อกลับไป ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวแจ้งว่า จะจ่ายเงินค่าจองโควตาคืนและจ่ายค่าเลี้ยงดูต้นกล้าให้อีกต้นละ 1 บาท เนื่องจากทางบริษัทที่จะรับซื้อมีปัญหาในการส่งออก จึงไม่สามารถรับซื้อต้นกล้าตามสัญญาได้ และรับปากว่าในวันที่ 15 ก.ค.65 จะจ่ายเงินค่ามัดจำโควตาต้นละ 1 บาท คืนให้และจ่ายค่าเลี้ยงดูต้นกล้าอีกต้นละ 1 บาท รวมเป็นเงินต้นละ 2 บาท แต่เมื่อถึงเวลาไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้แต่อย่างใด จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.มธกร ฤทธิ์เนื่อง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าแซะ ได้แจ้งต่อตัวแทนและสมาชิกกลุ่มว่าจะรับแจ้งความไว้เบื้องต้น จากการตรวจสอบยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการกระทำดังกล่าวจะผิดอาญาหรือไม่อย่างไร จะต้องเรียกตัวบุคคลดังกล่าวมาสอบถามข้อเท็จจริงและดูหลักฐานต่างๆ หากพบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดอาญา จะแจ้งให้ผู้เข้าร่วมโครงการมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอีกครั้ง
จากนั้นช่วงบ่าย นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู นางราตรี สุคันโท นางวรารัตน์ มาลัยล้อม นางกัณธิชา จันเพชร์ และสมาชิกกลุ่มปลูกพืชกระท่อมท้องที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร รวม 17 คน นำผู้สื่อข่าวไปยังแปลงเพาะปลูกต้นกล้าพืชกระท่อมของแต่ละรายมีการทำสัญญาจองขายโควตากันตั้งแต่ 10,000-100,000 ต้น รวม 17 ราย รวมจองขายตามโควตา จำนวน 430,000 ต้น ราคาต้นละ 30 บาท คิดเป็นเงินมากถึง 12,9000,000 บาท โดยเริ่มเพาะต้นกล้ามาตั้งแต่เดือน ก.พ.65 ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูจำนวนมาก บางคนถึงกับนอนร้องไห้เพราะเป็นหนี้สินจากการลงทุนเพาะต้นกล้าดังกล่าว
นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู แกนนำกล่าวว่า วันนี้ตอนบ่ายมีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชุมพร กรณีเดียวกันด้วย เพราะเคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจงหวัดไว้แล้วแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งจากกรณีดังกล่าวพวกเราเห็นว่าบุคคลที่มาทำสัญญาตามโครงการเป็นผู้มีชื่อเสียงมาก พวกเราจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเพาะต้นกล้ากระท่อมขายต้นละ 30 บาท ก่อนขายต้องเสียเงินค่าโควตาอีกต้นละ 1 บาท เลี้ยงกันมานานกว่าจะโตจนถึงวันนี้เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มซื้อดิน ซื้อถุงเพาะ ค่าปุ๋ย ค่าน้ำประปา ค่าโรงเรือน เฉลี่ยต้นทุนละมากกว่าต้นละ 10 บาท และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูรดน้ำ และอื่นๆ อีกทุกวัน เมื่อผิดสัญญาจะมาบอกเลิกสัญญาแล้วจะจ่ายคืนเงินค่าวางมัดจำโควตาต้นละ 1 บาท และค่าเลี้ยงดูอีกต้นละ 1 บาท มันชอบธรรมแล้วหรือ และต้นกล้ากระท่อมเริ่มจะเสียหาย จะขายช่วงนี้ไม่มีใครซื้อแล้ว เป็นถึงบุคคลมีชื่อเสียง และเท่าที่รู้มายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่กล้าออกมาทั้งในจังหวัดชุมพร และจังหวัดใกล้เคียง หลังจากนี้พวกตนจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย