xs
xsm
sm
md
lg

รู้ยัง! บีอาร์เอ็นปรับโครงสร้างใหญ่อีกครั้งตั้งแต่ปลาย มิ.ย.เพื่อรอลุกต่อสู้รัฐไทยระลอกใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้ โดย…ไชยยงค์ มณีพิลึก

เป็นความซ้ำซากมากว่า 18 ปีแล้ว นั่นคือ เมื่อมีเหตุก่อการร้ายจะตามด้วยคำสัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ดีขึ้น เราควบคุมพื้นที่ได้หมด ไม่กระทบการพูดคุยสันติสุข หลายปีมานี้หน่วยงานความมั่นคงพร่ำพ่นแบบนี้วนเวียนท่ามกลางเสียงระเบิด เสียงปืน เสียงสวดและเสียงตระโกนพิธีศพผู้สูญเสีย ก่อนจ่ายเยียวยาครอบครัวเหยื่อ

สำหรับข้อมูลที่จะยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นอย่างไรกลับไม่มีรายละเอียด เช่น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดการกับ ขบวนการบีอาร์เอ็นไปแล้วอย่างไร โดยเฉพาะการตัดท่อน้ำเลี้ยง ตัดสายพานการจัดตั้งมวลชน การทำความเข้าใจกับครอบครัวปฏิวัติ เหล่านี้ทำไปได้ในระดับไหน อย่างไร

หรือมีข่าวดีบอกกับคนในชายแดนใต้ไหมว่า “สล.2” กับ “สล.3” ได้พูดคุยกับ ดุลเลาะ แวมะนอ ประธานสภาอูลามาบีอาร์เอ็นคนปัจจุบัน ผู้ที่รับผิดชอบทั้งงานการเมืองและการทหารว่า ได้ขอให้ยุติการสร้างฐานมวลชนและบ่มเพาะคนรุ่นใหม่เข้าสู่ครอบครัวนักปฏิวัติและกองกำลังติดอาวุธเป็นที่ตกลงแล้วหรือไม่ อย่างไร

หรืออย่างน้อย รองแม่ทัพ เสนาธิการ รวมถึงระดับนายกอง ได้พูดคุยกับ “นิเซะ” และ “แบกี” ผู้นำกองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็นให้หยุดใช้ความรุนแรงแล้วหรือยัง เพราะนั่นทำให้เห็นว่ารู้และเข้าถึงขบวนการได้จริง ไม่ใช่ให้มาเลเซียและองค์กรชาติตะวันตกจัดโต๊ะประชุม แล้วนำคนที่พวกเขากำหนดมาพูดคุยกับตัวแทนรัฐไทย เพราะนั่นจะได้เพียง “เบี้ย” ที่ไม่ใช่ “ขุน” บนกระดานหมากรุก

วันนี้สถานการณ์ยังรุนแรงและซ้ำซากแบบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อย่างเกิดเหตุระเบิดที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา 2 ครั้ง นั่นแสดงว่าตลอด 18 ปีที่ผ่านไป อำเภอเป้าหมายแห่งนี้นอกจากทำให้เป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ไม่ได้แล้ว กลับยังมีเหตุก่อการร้ายมากที่สุด ทั้งที่ในพื้นที่มีกองกำลังของหน่วยงานความมั่นคงตั้งฐานปฏิบัติการอยู่เป็นจำนวนมากมายเช่นกัน

ในด้านการปิดล้อมแนวร่วมบีอาร์เอ็นก็ยังคงคึกคัก อย่างกรณีที่ ต.คลองมะนิง อ.เมือง จ.ปัตตานี และวิสามัญฯ ไปได้ 1 ศพ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายมี 5 หมายจับติดตัว แถมยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุก่อการร้ายที่กรุงเทพฯ เมื่อหลายปีก่อน

อีกทั้งยังมีการปะทะกันดุเดือน อย่างกรณีการปะทะกันถึง 5 ระลอกระหว่างกองกำลังภายใต้การนำของ พ.อ.อิศรา จันทกระยอม ผบ.กกล.ทพ.จตช. กับกองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็นบนเทือกเขารอยต่อบ้านสาวอฮีเล ต.สาวอ กับบ้านบือเล็ง ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งได้วิสามัญฯ ไป 2 ศพ

ยังมีการปิดล้อมที่บ้านเนินงาม อ.รามัน จ.ยะลา ที่นอกจากวิสามัญฯ 2 ศพแล้ว ยังจับเป็นได้อีกจำนวนหนึ่ง เมื่อนำไปสอบปากคำพบว่าเป็นสมาชิกของพูโล 5G ที่มี “คัสตูรี มะโกตา” เป็นผู้นำ ซึ่งตั้งแต่ห้วงเดือนรอมฎอนเป็นต้นมา พบว่า กลุ่มขบวนการนี้ได้ก่อเหตุแล้วหลายครั้งที่ จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส อีกด้วย

หมายความว่ากว่า 18 ปี ไฟใต้ระลอกใหม่ นอกจากสยบบีอาร์เอ็นไม่สำเร็จแล้ว หน่วยงานความมั่นคงยังทำให้พูโล 5G ที่ตายซากไปแล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง ต่อไปเราอาจจะเห็นขบวนการแบ่งแยกดินแดนอื่นๆ กลับคืนมาก่อเหตุอีกก็เป็นได้

ถามว่าสิ่งที่หน่วยงานความมั่นคงพร่ำบอกแบบวนเวียนมาตลอดว่า มาตรการดับไฟใต้ประสบความสำเร็จ นั่นเป็นมโนไปเองใช่หรือไม่ ที่สำคัญนอกจากหลอกลวงประชาชนให้มีความหวังแล้ว ยังตีความได้ว่าต้องการหลอกลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปวันๆ ด้วย

เหตุร้ายที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย ในหมู่บ้านยังมีประชาชนสนับสนุนและให้ที่พักพิง ขณะที่ในป่าเขาหลังหมู่บ้านยังมีกองกำลังติดอาวุธขบวนการแบ่งแยกดินแดนกระจายตัวรอโอกาสปฏิบัติการ เพียงแต่ฝ่ายความมั่นคงเข้าไม่ถึงข่าวสารความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า “นายทหารสายแข็ง” อย่าง พ.อ.อิศรา จันทกระยอม ที่วิสามัญฯ กองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็นมาตลอด 2-3 ปี เกิดจากนำกำลังเข้าพิสูจน์ทราบและค้นหาเป้าหมายทั้งในป่าเขา หมู่บ้าน โรงเรียน กระทั่งศาสนสถาน ซึ่งเป็นความสำเร็จจากการทำงานเชิงรุก เพราะถ้าไม่รุกก็จะไม่พบและไม่มีการปะทะเกิดขึ้น

ถ้า ผบ.หน่วยเป็น “ทหารสายแข็ง” สักครึ่งหนึ่งของฐานปฏิบัติการที่มีอยู่ในพื้นที่ เชื่อว่าจะได้นับศพนักรบบีอาร์เอ็นทุกวัน เพราะคนพวกนี้ไม่ได้หายไปไหน แม้บีอาร์เอ็นจะปรับโครงสร้างลดจำนวน “อาร์เคเค” ไปแล้วถึง 70% เมื่อหลายปีก่อน แต่ก็มีการฝึกกลุ่มใหม่สร้าง “กลุ่มนักรบหน้าขาว” มาทดแทนตลอด

เพียงแต่การข่าวของหน่วยงานความมั่นคงเข้าไม่ถึง หรือไม่มีความพยายามจะเข้าถึงก็ไม่ทราบได้ นั่นจึงอาจเป็นภาพลวงตาทำให้เชื่อว่าสถานการณ์ไฟใต้กำลังจะสงบก็เป็นได้ ที่สำคัญเป็นความต้องการให้บรรดา “นายพล” ที่ส่วนกลางเชื่อไปได้เช่นกันแน่นอน

ล่าสุด ที่ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กลุ่มมวลชนนับร้อยที่มี “สตรี” เป็นแกนนำบุกทลายกำแพงเจ้าหน้าที่ทหาร แล้วนำศพแนวร่วมถูกวิสามัญที่กำลังรอพิสูจน์ตามขั้นตอนกฎหมายไปประกอบพิธีการทางศาสนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการและรอให้เกิดเงื่อนไขให้เป็นไปตามแผนของสภาอูลามาวางไว้

สิ่งนี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า บีอาร์เอ็นไม่เคารพกฎหมายของรัฐไทย พร้อมใช้มวลชนเป็นกฎหมู่เข้าต่อกรและทำไอโอเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่รัฐในหมู่ชาวมาลายู

ดังนั้น การที่หน่วยความมั่นคงพร่ำบอกว่า เรากำลังจะ “ชนะ” ก็อยากถามว่าชนะใคร อะไร ตรงไหน เพราะแม้แต่เรื่องทำความเข้าใจประชาชนได้ง่ายๆ ในเรื่องต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายก็ยังทำไม่สำเร็จ แล้วเรื่องอื่นๆ ที่หนักกว่าอย่างกรณีเชิดชูเป็น “นักรบของพระเจ้า” หรือตีความ “ซาอีด” และ “ญีฮัด” จะทำสำเร็จได้อย่างไร

การปิดล้อม ตรวจค้น และวิสามัญฯ ถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่ควรต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นเพียงชัยชนะทางยุทธวิธี แต่เมื่อเราไม่มียุทธศาสตร์ดับไฟใต้ที่ชัดเจน จึงกล่าวได้ว่า “รู้เรา” แต่ไม่เคยที่จะ “รู้เขา” มาตรการดับไฟใต้จะสำเร็จได้อย่างไรเล่า ประเด็นนี้ต่างหากที่หน่วยงานความมั่นคงต้องขบให้แตกและเร่งลงมือทำ

รู้กันหรือยังว่าตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา บีอาร์เอ็นได้ปรับโครงสร้างในพื้นที่ใหม่ทั้งระบบ เป็นการเตรียมพร้อมลุกขึ้นสู้อีกระลอกหลังจากพ่ายแพ้ใน “สงคราม 1,000 วัน” ส่วนการลุกขึ้นสู้จะเร็วกว่าที่เคยกำหนดไว้อีกครั้งในปี 2570 หรือไม่ยากเกินจะคาดเดาได้

แต่เพื่อพิจารณาจากการปรับขบวน เปลี่ยนกลุ่มก้อนฝ่ายต่างๆ ในครั้งนี้ นั่นทำให้เห็นฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ว่า บีอาร์เอ็นกำลังกำหนดเป้าหมายการลุกขึ้นต่อสู้ครั้งใหม่ให้เร็วกว่ากำหนดแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีใครเข้าใจไปว่าเรื่องการปรับโครงสร้างบีอาร์เอ็นที่นำมากล่าวถึงเป็นเรื่องที่ผู้เขียนมโนไปเอง นั่นก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าในอนาคตกลับกลายเป็นเกิดขึ้นจริง ส่งผลกระทบต่อผู้คน สังคมและผืนแผ่นดินปลายด้ามขวาน

ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ที่จะถูก “ตราหน้า” คงไม่พ้นตั้งแต่ “นายกรัฐมนตรี” ไล่ลงมาจนถึง “แม่ทัพ” และ “นายกอง” ต่างๆ ที่รับผิดชอบดับไฟใต้ เพราะพวกเขาไม่พยายามทำหน้าที่ปกป้องประชาชนและแผ่นดินให้สมกับการเป็น “ชายชาติทหาร” นั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น