xs
xsm
sm
md
lg

ปิดคดีไป 2 คน “ตระกูลเสนพงศ์” ยังเหลือ ‘พี่ใหญ่’ ที่ต้องลุ้นทุจริตปรับปรุงสนามกีฬากลางนครศรีฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กว่า 6 ปีที่เรื่องราวดำเนินมา ในที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษาคดีอาญาผลพวงจากคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ยืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำคุกนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พี่ชายนายมาโนช จำเลยที่ 2 คนละ 3 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

เป็น 6 ปีที่รอคอยสำหรับ "นายพิชัย บุณยเกียรติ" อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช น้องชายนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลนครศรีธรรมราชโดยตรงเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 ในฐานะผู้เสียหาย ฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในฐานความผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2545 มาตรา 57 วรรคหนึ่ง (4) และมาตรา 118

จากการที่จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจัดเลี้ยงผู้นำท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 4-5 ม.ค.2557 โดยวิธีการเลี้ยงโต๊ะจีนประมาณ 20-30 โต๊ะ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในระหว่างการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่นายมาโนชมีลงรับสมัครเลือกตั้ง

เหตุของการฟ้องร้องครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากนายมาโนช เสนพงศ์ ได้ต้องคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโดยศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในคดีเลือกตั้งที่หมายเลขดำที่ ลต.6/2556 แดงที่ 1490/2558 ไปแล้ว โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ร้องต่อศาล ทั้งยังคำวินิจฉัยที่ 56/2558 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2558 ให้ดำเนินคดีอาญาต่อ นายมาโนช เสนพงศ์ และนายเทพไท เสนพงศ์

หลังจากนั้นปรากฏว่า ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวน และนำส่งคดีต่ออัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช จนถึงชั้นอัยการสูงสุด ใช้เวลายาวนานเกือบ 5 ปี แต่คดียังไม่ถึงชั้นการพิจารณาของศาล

นายพิชัย กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อครั้งไปยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 ว่า "กกต.ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน แต่ปรากฏว่า คดีล่าช้า จึงได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด เมื่อ 3 เดือนก่อน ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อคดี มีความเสียหายต่อพยานหลักฐาน พยานบางรายเสียชีวิตไปแล้ว กลุ่มคดีทุจริตการเลือกตั้งที่เกี่ยวข้องครั้งเดียวกันมีจำเลยถูกจำคุกไปแล้วถึง 7 ราย มีระวางโทษ 1-7 ปี แต่ในส่วนของนายมาโนช และนายเทพไท กลับไม่มีความคืบหน้า"

หลังจากที่ศาลได้รับฟ้องและมีการพิจารณาคดี กระทั่งวันที่ 28 ส.ค.2563 ศาลได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำคุก นายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี ตัดสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี โดยศาลได้พิจารณาปรานีโทษจำให้เหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ในวันนั้น ตำรวจศาลได้สวมกุญแจมือจำเลยทั้งสองส่งเข้าห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชทันที ขณะที่ทนายจำเลยได้เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวเพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ภายในเวลา 30 วัน

ผลของคำพิพากษาในคดีนี้ ทำให้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ คำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(4) มาตรา 96(2)

คดีนี้ยังไม่จบ เมื่อฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทำให้ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยทั้ง 2 ถูกคุมตัวเข้าห้องควบคุมทันที

และเป็นไปตามคาด เมื่อจำเลยได้ยื่นฎีกา ซึ่งผลการพิพากษาของศาลฎีกาก็ยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์

หลังฟังคำพิพากษา นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความโจทก์ ได้ระบุว่า คดีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมืองรุ่นหลังที่ต้องยึดถือ และปฏิบัติตามกฎหมายที่ตราไว้ บางคนคิดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วสร้างนอมินีไว้ แล้วคิดว่าตัวเองจะพ้นผิด

"สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนในคำพิพากษา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ การจัดเลี้ยง เมื่อสร้างนอมินีขึ้นมาแล้วไปทำแทนแล้วจะพ้นผิด พิสูจน์ชัดว่าไม่ใช่ ควรเลิกปฏิบัติในกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

ย้อนดู 2 ตระกูลใหญ่ทางการเมืองใต้ปีกพรรคประชาธิปัตย์อย่าง "เสนพงศ์" กับ "บุณยเกียรติ" ต่างก็เป็นที่รับรู้กันในพรรคว่า สนิทสนมกับอดีตหัวหน้าพรรค "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ถึงขั้นที่นายเทพไท เสนพงศ์ เคยพูดเล่นๆ ช่วงกระแสอภิสิทธิ์มาแรงว่า เขาเป็นเพื่อนกับอภิสิทธิ์

ความร้าวฉานของ 2 ตระกูลนี้ ทั้งเรื่องพื้นที่เลือกตั้ง การวางตัวผู้สมัคร และเขม่นกันอยู่หลายครั้ง ที่หนักคือ นายเทพไท เคย "ตำหนิ" นายชินวรณ์ อย่างรุนแรงว่าต้อนรับอภิสิทธิ์ไม่ดีในระหว่างร่วมงานศพแม่ของนายชินวรณ์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ออกรายการทีวีช่องบลูสกาย

หลังจากคดีของนายมาโนช และนายเทพไท แล้ว ตระกูล "เสนพงศ์" ยังต้องลุ้นคดีของนายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ พี่ชายคนโต อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่มีประเด็นการพิจารณาในข้อกล่าวหาการทุจริตการปรับปรุงสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช และอื่นๆ อีกหลายประเด็นอยู่ในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

ข่าววงในแว่วว่า ดูจากพยานหลักฐานแล้ว เป็นไปได้ว่า พี่ใหญ่แห่งตระกูลเสนพงศ์อาจต้องคดี แม้ว่าการเลือกตั้งนายกเล็กเมืองคอน นายเชาวน์วัศ จะประกาศไม่ลงสมัครแล้วก็ตาม แต่หากมีความผิดในคดีนี้ก็อาจจะได้พักยาวอีกคน


กำลังโหลดความคิดเห็น