xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนดู! เกือบ 2 ปีก่อนทรัพย์สินเฉียด 1 พันล้าน ธุรกิจ 3 แห่ง ‘เทพไท เสนพงศ์’ ก่อนศาลสั่งคุก 2 ปี ทุจริตเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายเทพไท เสนพงศ์
อ้างอิงข้อมูลจาก : สำนักข่าวอิศรา (ทรัพย์สิน 923 ล.-ธุรกิจ 3 แห่ง ‘เทพไท เสนพงศ์’ ก่อนศาลสั่งคุก 2 ปีทุจริตเลือกตั้ง)

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชาย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช คือรายชื่อ 2 นักการเมืองล่าสุดที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกรายละ 2 ปี ตัดสิทธิทางการเมืองรายละ 10 ปี กรณีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2556-2557 (อ่านประกอบ : พิพากษาคุกคนละ 2 ปี! ‘เทพไท-มาโนช เสนพงศ์’ ทุจริตเลือกตั้ง-ตัดสิทธิการเมือง 10 ปี)

2 พี่น้องตระกูล ‘เสนพงศ์’ เป็นนักการเมือง ‘มากบารมี’ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยนายเทพไท เป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ขณะที่นายมาโนช น้องชาย ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น และได้รับการเลือกตั้งหลายสมัยเช่นกัน


มาดูในมุมธุรกิจกันบ้าง?

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายเทพไท เสนพงศ์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 923,133,311 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวม 2,082,720 บาท รายจ่ายรวม 1,100,000 บาท

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่านายเทพไท เคยเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใน 3 บริษัท/ห้างหุ้นส่วนจำกัด ได้แก่ บริษัท คนคอน จำกัด ทำธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันเสร็จชำระบัญชี บริษัท บาบูอุตสาหกรรม จำกัด ทำธุรกิจการผลิตปลาป่นสำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์ ปัจจุบันเสร็จชำระบัญชี และ หจก.เสียงราษฎร์นครศรีธรรมราช ทำธุรกิจขายหนังสือพิมพ์ ปัจจุบันเสร็จการชำระบัญชีไปแล้วเช่นกัน

ส่วน น.ส.พอเพ็ญ เริงประเสริฐวิทย์ อดีตคู่สมรส (อ้างอิงข้อมูลจาก: https://www.thairath.co.th/person/4573) แจ้งเป็นกรรมการบริษัท/หจก. อย่างน้อย 3 แห่ง ดำเนินกิจการอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ธารธัช จำกัด ทำธุรกิจให้บริการด้านโรงแรม และรีสอร์ต บริษัท ศรีเอเชียกรุงเทพธุรกิจ จำกัด ทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อีก 1 แห่ง แจ้งสถานะว่าร้าง ได้แก่ หจก.ศรีเพชรวมกิจ ทำธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการ

ส่วนนายมาโนช เสนพงศ์ ไม่พบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าปรากฏข้อมูลเป็นกรรมการบริษัท/หจก.ใด

คนในตระกูล ‘เสนพงศ์’ ยังปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัท/หจก. อีกอย่างน้อย 15 แห่ง เท่าที่ตรวจสอบพบ

เปิดดำเนินกิจการอยู่ 7 แห่ง ได้แก่ หจก.วณิธนา (นางประยูร เสนพงศ์) บริษัท เชอริช (ประเทศไทย) จำกัด (น.ส.กัลยณัฏฐ์ เสนพงศ์, นายณธายุ เสนพงศ์) บริษัท บีเฟม จำกัด บริษัท รมย์วารี เวลเนส แอนด์ สปา จำกัด (น.ส.ภัทริยา เสนพงศ์) บริษัท เขาเต่า เบย์วิว รีสอร์ท จำกัด หจก.นคร แอนด์ นคร (นายธัญญา เสนพงศ์) และ หจก.เอส พี 2015 (นายสุเชาว์ เสนพงศ์)

ส่วนธุรกิจที่เสร็จชำระบัญชีไปแล้วอย่างน้อย 8 แห่ง ได้แก่ หจก.มั่งมีก่อสร้าง หจก.สยาม โปรเฟชชั่นแนล เอ็นจิเนียริ่ง บริษัท แองเจิล อินทิเรียร์ แอนด์ อาร์คิเทค จำกัด หจก.ทักษิวงศ์ หจก.เค มิลเลียนแนร์ กรุ๊ป หจก.เสียงราษฎร์นครศรีธรรมราช บริษัท บาบู อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท คนคอน จำกัด

เส้นทางการเมือง นายเทพไท มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.รามคำแหง โดยเป็นนายกองค์การบริหารนักศึกษารามคำแหง เมื่อปี 2525-2526 หลังจากนั้นปี 2531 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช สมัยอยู่พรรคพลังธรรม ต่อมาเมื่อปี 2537 นายชำนิ ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทย นายเทพไท ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการ รมช.มหาดไทยด้วย

หลังจากนั้นปี 2540 นายชำนิ ย้ายสังกัดเข้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท ย้ายตามมาด้วย โดยนายชำนิ ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.มหาดไทยอีกครั้ง นายเทพไท ได้ตำแหน่งเลขานุการ รมช.มหาดไทยเช่นเดิม กระทั่งปี 2548 นายเทพไท ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นได้รับชัยชนะเรื่อยมาเป็น ส.ส.นครศรีธรรมราช ถึง 4 สมัย

ในด้านสื่อของนายเทพไท นอกจากเคยทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นใน จ.นครศรีธรรมราช แล้ว ยังเคยเป็นพิธีกรในรายการ ‘สายล่อฟ้า’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ‘บลูสกาย’ ด้วย (ปัจจุบันรายการนี้ยุติไปแล้ว)

บทบาทในการเมืองท้องถิ่นของตระกูล ‘เสนพงศ์’ นายเทพไท เป็น ส.ส. มีพี่ชาย ‘เชาวน์วัศ เสนพงศ์’ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองนครศรีธรรมราช ส่วนน้องชาย นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นรองนายกเทศมนตรี ขณะที่น้องชายอีกราย นายมาโนช เสนพงศ์ เคยนั่งเก้าอี้นายก อบจ.นครศรีธรรมราชด้วย

กระทั่งนายมาโนช ถูกร้องเรียนเรื่องทุจริตการเลือกตั้งเมื่อปี 2556 ต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และปี 2558 ศาลมีคำพิพากษาให้ ‘ใบแดง’ แก่นายมาโนช ต่อมามีการฟ้องร้องในส่วนคดีอาญา จนนายเทพไท ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยเช่นกัน และเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 ศาลนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญาแก่นายเทพไท และนายมาโนช พร้อมกับตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ได้รับการประกันตัว และยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีข้างต้นว่า ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ต้องรอให้มีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย เพราะยังไม่ถูกคุมขังตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.thaipost.net/main/detail/75894)

จนมาถึงล่าสุดในวันนี้ 6 ก.ค.2565 ศาลฎีกาได้นัดฟังคำพิพากษา ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในคดีดำที่ 174/2562 คดีแดงที่ 485/2563 ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเทพไท เสนพงศ์ และนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยทั้ง 2 ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารายงานตัวต่อศาล โดยมีผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งคอยให้กำลังใจอยู่หน้าศาล

ขณะที่ นายพิชัย บุณยเกียรติ โจทก์ พร้อมด้วย นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความ และคณะทำงานด้านกฎหมายได้เดินทางมายังศาลเพื่อเข้ารับฟังคำพิพากษา โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วเสร็จ ปรากฏว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ คือลงโทษจำคุก 3 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

ซึ่งมีรายงานด้วยว่า ก่อนการฟังคำพิพากษา ตำรวจศาลได้ใส่เครื่องพันธนาการข้อมือของจำเลยทั้ง 2 ราย ก่อนฟังคำพิพากษา และหลังจากอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ทั้งคู่มีสีหน้ากังวล และมีอาการเครียด ตำรวจศาลได้เข้าทำการควบคุมตัวตามขั้นตอนทันที

ทั้งนี้ คดีนี้ได้ถึงที่สิ้นสุดตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างครบถ้วนแล้ว ขณะที่ผู้ใกล้ชิดมีสีหน้าเคร่งเครียด บางรายถึงกับร่ำไห้ และเข้าไปรับของใช้ส่วนตัว ทั้งเครื่องมือสื่อสาร และรองเท้า โดยทั้งคู่ได้สวมรองเท้าแตะ และเข้าไปยังห้องควบคุมของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรอส่งตัวไปยังแดนแรกรับ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตามคำพิพากษาศาลฎีกา


กำลังโหลดความคิดเห็น