พังงา - “บังลุค ไม้ใหญ่” ยืนยันก่อนเข้าตัดโค่นต้นไม้หวงห้ามปรึกษาเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ว ยืนยันไม่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำตกสองแพรก ด้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้แจง ไม่ได้ออกใบอนุญาตตัดไม้ แค่รับรองว่าไม้หวงห้ามไม่ได้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำตกสองแพรกเท่านั้น
จากกรณีที่นายอำเภอเมืองพังงา สนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนบุกเข้าจับกุม “บังลุค ไม้ใหญ่” ที่ได้เผยแพร่คลิปบน TikTok กำลังตัดไม้ป่าหวงห้ามขนาดใหญ่ บอกว่าอยู่บนเทือกเขานางหงส์ พร้อมทั้งประกาศขายไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ จึงได้สืบสวนติดตามจนพบว่า บุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปพร้อมพวกกำลังตัดไม้อยู่ในป่าพื้นที่บ้านสองแพรก ม.2 ต.สองแพรก อ.เมืองพังงา จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย บังลุค ไม้ใหญ่ พร้อมพวกรวม 4 ราย และผู้ครอบครองที่ดิน 1 ราย พร้อมด้วยของกลางไม้ตะเคียนสามพอน และไม้หวงห้ามอื่นๆ รวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท รถแบ็กโฮ 1คัน เลื่อยโซ่ยนต์ 3 เครื่อง และอุปกรณ์ชักลากไม้จำนวนหนึ่ง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหากระทำความผิดบุกรุกแผ้วถางและทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตรวจสอบพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากระทะคว่ำ อำเภอเมืองพังงา ของกลางไม้หลักๆ จะเป็นไม้ตะเคียนสามพอน รวมทั้งหมด 33 ท่อน คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท นอกจากนั้น จะเป็นพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง 3 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา
ขณะที่ “บังลุค ไม้ใหญ่” เปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพรับซื้อไม้ใหญ่ส่งขายให้ลูกค้าทั่วประเทศ และได้รับการติดต่อให้มาซื้อไม้หวงห้ามของชาวบ้านในแปลงนี้ โดยคนขายได้ยืนยันว่าไม้ป่าหวงห้ามอยู่ในเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.2 หรือใบจอง พื้นที่ 24 ไร่ ซึ่งเจ้าของได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ว่าจะมีการตัดโค่นไม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบและได้รับการรับรองว่าสามารถตัดไม้ออกมาได้ และก่อนที่ตนเองจะเข้ามาตัดไม้นั้นยังได้ไปพบกับหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำตกสองแพรก และได้รับการยืนยันว่า ไม้หวงห้ามทั้งหมดไม่ได้อยู่นอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตนจึงได้นำทีมงานพร้อมด้วยเครื่องจักรเข้ามาดำเนินการตัด และขอยืนยันว่า หากไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตนเองไม่เข้ามาตัดไม้หวงห้ามในพื้นที่นี้หรอก
ด้าน นายอุกฤษฏ์ ดีทองอ่อน นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำตกสองแพรก กล่าวว่า ทางเจ้าของที่ดินได้นำเอกสารสิทธิใบจอง หรือ น.ส.2 มาติดต่อว่าให้ช่วยตรวจสอบว่ามีต้นไม้หวงห้ามอยู่ในเอกสารสิทธิหรือไม่ และสามารถตัดโค่นได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อดูตามระเบียบแล้วสามารถดำเนินการได้ ถ้าพื้นที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำตกสองแพรก จึงได้ให้คำปรึกษากับชาวบ้านไปว่า ถ้าไม้หวงห้ามอยู่ในเอกสารสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมายสามารถตัดโค่นไปใช้ประโยชน์ได้ และขอยืนยันว่าไม่ได้ให้ใบอนุญาตตัดไม้ แค่รับรองว่าไม้หวงห้ามไม่ได้อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำตกสองแพรกเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.วิษฐชาคม คำจำปา ผกก.สภ.ทุ่งคาโงก เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ส่งพนักงานสอบสวนเมื่อช่วงดึกคืนที่ผ่านมา ล่าสุดได้สอบสวนผู้ต้องหาไปแล้ว 2 ปาก ซึ่ง บังลุค ไม้ใหญ่ ยังยืนยันว่าเข้ามาซื้อไม้หวงห้ามจากชาวบ้านในที่ดินมีเอกสารสิทธิครอบครอง และได้รับการยืนยันกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าอยู่นอกเขตป่า จึงตัดโค่นโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่เอกสารสิทธิใบจอง หรือ น.ส.2 ยังไม่ชัดเจนเหมือนกับโฉนด หรือ นฝส.2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ตรวจสอบพิกัดแล้วพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากระทะคว่ำ ซึ่งเป็นป่าตามธรรมชาติที่อุ้มน้ำ เกิดประโยชน์ต่อเชิงนิเวศของจังหวัดพังงา การทำให้เกิดความเสียหายกับพื้นที่ป่าแห่งนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และการท่องเที่ยวด้วย การกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์ ก่อสร้าง แผ้วถาง ทำไม้ หรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพ ป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน ร่วมกันทำไม้ หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ ไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 54 ฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มาตรา 64 ฐานร่วมกันครอบครองไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 ฐาน ร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 มาตรา 97 ฐาน ทำ หรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเหตุแห่งการตรวจยึดจับกุมและข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทั้ง 5 คนต่อไป