ตรัง - “พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน” ยังขายราคาดี กก.ละ 500-1,200 บาท เพราะตลาดต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มคนสูงวัย และคนรักสุขภาพ ล่าสุดยังมีการผลิต “ชาพริกไทย” เพิ่มด้วย สร้างรายได้ให้เกษตรกรหลักหมื่นต่อเดือน
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์พันธุกรรมพืชประจำถิ่น (พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน) ซึ่งมี ร.ต.อ.วิศิลป์ ทองฤทธิ์ ข้าราชการบำนาญ เป็นประธานกลุ่มและเจ้าของสวน ตั้งอยู่เลขที่ 75/1 หมู่ 5 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นกว่าพริกไทยสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และฝักแน่น จึงทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้า โดยเฉพาะร้านอาหารเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นพืชที่ดูแลง่าย ทนทานต่อโรค ปลูกได้ทุกสภาพอากาศ ให้ผลผลิตเร็ว และสามารถเก็บได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญคือมีราคาดี จึงถือเป็นพืชแซมในสวนยาง สวนปาล์มที่สร้างรายได้อย่างดีอีกชนิดหนึ่ง
โดยนางละออง สุวรรณเวศ เหรัญญิกกลุ่ม บอกว่า ตอนนี้เฉพาะตัวเองมีพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนประมาณ 400 ต้น ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ และมีการทำผสมผสานพืชอย่างอื่นไปด้วย ล่าสุด มีการได้แปรรูปต่อยอดทำชาพริกไทย ด้วยการนำพริกไทยมาบดเป็นผง แล้วนำมาทำเป็นชา โดยสามารถชงน้ำร้อนดื่มได้เลย หรือนำไปต้มให้น้ำเดือดแล้วดื่มก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะออกฤทธิ์ดีกว่า ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัวได้รับผลตอบรับที่ดี ลูกค้าที่ซื้อไปก็กลับมาซื้ออีก เพราะชาพริกไทยสามารถช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้ด้วย ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นกลุ่มสูงวัย และกลุ่มรักสุขภาพ ซึ่งมีทั้งสั่งออนไลน์ หรือมาซื้อที่กลุ่มโดยตรง นอกจากนั้น ทางกลุ่มยังไปออกบูทของกรมส่งเสริมการเกษตรด้วย
ทั้งนี้ พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน (พริกดำ) จะขายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท แต่หากเป็นพริกไทยบด (พริกขาว) จะขายราคากิโลกรัมละ 1,200 บาท หรือ 100 กรัม 120 บาท ส่วนชาพริกไทย ขายในราคากล่องละ 300 บาท มีทั้งหมด 30 ซอง ซึ่งพริกไทยของทางกลุ่มยังมีความต้องการที่สูง เนื่องจากมีเกษตรกรปลูกค่อนข้างน้อย เฉพาะในกลุ่มซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 30 คน ส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่ว่างแถวบ้านประมาณ 1 งาน 2 งาน หรือ 1 ไร่ เพื่อปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนเป็นอาชีพเสริม ทำให้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท นับว่าเป็นอาชีพเสริมที่ช่วยเกษตรกรได้ดีเลยทีเดียว ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.08-4847-3132 และ 08-0876-3845
