ตรัง - “ลูกชิ้นปลาทุ่งยาว” เจ้าเก่าแก่ของคุณยายต้อย เป็นที่นิยมของลูกค้ามานานเกือบ 30 ปีแล้ว ขายดีหมดเกลี้ยงทุกวัน โดยบางรายมาไกลถึงภาคเหนือ เพราะอร่อยและไม่คาว โดยใช้เฉพาะปลาสากเหลืองเท่านั้น
“ยายต้อย” นางจิรพรรณ แซ่เตี๋ยว อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ถนนตรัง-สตูล ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งชาวบ้านใน ต.ทุ่งยาว หรือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทุ่งยาวจะรู้จักคุณยายกันดี ในเรื่องของลูกชิ้นปลาทุ่งยาว เจ้าเดียวเจ้าเก่าแก่ ทั้งนี้ เมื่อคุณยายได้ปลาสากเหลือง จะนำมานั่งสับขายในราคากิโลกรัมละ 300 บาท หรือถุงละ 40 บาท เพื่อนำไปทำเป็นลูกชิ้น ทอดมัน หรือห่อหมก ซึ่งคุณยายได้นั่งสับปลาอย่างนี้มาตั้งแต่อายุ 40 ปี หรือเกือบ 30 ปีมาแล้ว และจะเน้นทำมือเองทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนขูดปลา ผ่าซีก ขูด มาจนถึงสับปลา จนในปัจจุบันนี้อายุมากแล้ว ร่างกายไม่ค่อยไหว คาดว่าคุณยายคงทำแบบนี้ได้อีกแค่ปีเดียว แต่ที่ต้องมานั่งสับปลาโดยไม่ใช้เครื่องทุ่นแรงนั้น เป็นเพราะว่าลูกค้าต่างติดใจในความอร่อย และความไม่คาวของลูกชิ้นปลา แต่หากใช้เครื่องบด หรือใช้เครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยประหยัดทั้งแรงและเวลานั้น จะทำให้ได้ลูกชิ้นปลาที่ไม่ค่อยอร่อย แพ้วิธีการทำลูกชิ้นปลาแบบโบราณ
“ยายต้อย” บอกว่า จริงๆ มีความตั้งใจที่อยากจะให้มีทายาทช่วยสืบต่อ แต่ไม่มีใครทำแล้ว เพราะมันเป็นงานที่ใช้เวลา มือเปียก และมีกลิ่นคาวปลาทั้งวัน ส่วนปลาที่เอามาทำลูกชิ้นจะเน้นใช้ปลาสากเหลืองอย่างเดียว แต่จะไม่ใช้ปลาชนิดอื่นๆ เลย เพราะจะทำให้ลูกชิ้นปลามีความคาว และไม่อร่อย ทั้งนี้ ในแต่ละวันหากมีปลาจะไปซื้อมาจากชาวประมงแล้วนำมาสับ โดยใช้เวลาในการทำหลายชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งที่ผ่านมา คุณยายเคยสับเนื้อปลามากสุดถึงวันละ 20 กิโลกรัม จนต้องแบ่งสับเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้าและช่วงเย็น จากนั้นจะมีพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทุ่งยาว รวมทั้งบรรดาญาติๆ และลูกค้าขาประจำแห่กันมาจอง และซื้อกันจนหมดเกลี้ยง ซึ่งบางรายมาไกลจาก จ.เชียงใหม่ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีปลา เพราะชาวประมงไม่ได้ออกเรือ เนื่องจากน้ำมันมีราคาแพง เมื่อออกไปแล้วได้ปลามาน้อยก็ไม่คุ้ม ทำให้กระทบมาถึงคุณยาย เพราะปลาหายากมากขึ้น