ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แม่วัย 30 รุดเข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังคลอดบุตรสาว ที่ รพ. ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ ไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาล กลับได้รับแจ้งว่าลูกแขนหัก ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ของโรงพยาบาล เ
เวลา 10.30 น วันนี้ (7 มิ.ย.) นางสาวอัจฉรา จันทราช อายุ 30 ปี อาชีพครูโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต พร้อมสามี เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากลูกสาววัย 2 สัปดาห์ มีอาการแขนหัก ขณะที่อยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล
โดยนางสาวอัจฉรา กล่าวว่า ตนคลอดบุตรสาว ณ โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังคลอดแพทย์แจ้งว่า ทารกมีภาวะสำลักน้ำคร่ำ ต้องเอ็กซเรย์ปอด ให้ออกซิเจน และ อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลก่อน ส่วนอวัยวะอื่น ๆ ทารกมีสภาพครบสมบูรณ์ทุกประการ อาการโดยรวมไม่น่าห่วง ส่วนแม่หลังจากอยู่โรงพยาบาลครบตามกำหนด แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยให้มารับคิวเยี่ยมบุตรสาวได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ตนได้ไปเยี่ยมบุตรสาวตามปกติ ทารกก็ยังสมบูรณ์ดี แต่แพทย์ยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
จนกระทั่งช่วงบ่ายของวานนี้ (6 มิ.ย.) ตนได้ไปเยี่ยมบุตรสาวอีกครั้งตามคิวนัด และได้รับพยาบาลแจ้งว่า “ลูกยกแขนไม่ได้ บุตรสาวของตนแขท่อนบนด้านซ้ายหัก” ตนตกใจมาก ทั้งเป็นห่วงลูกและสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร จึงพยายามซักถามรายละเอียดกับพยาบาล แต่พยาบาลบอกเพียงว่า “ทางโรงพยาบาล ต้องประชุมสรุปสาเหตุเรื่องนี้อีกครั้ง” ส่วนเรื่องแนวทางการรักษา หรืออื่น ๆ ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ และ จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทางโรงพยาบาล
เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ตนพร้อมด้วยสามี จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน กับ ตร.สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อต้องการให้ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าหากเกิดจากกรณีเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่...จนทำให้เกิดเหตุกับบุตรสาวของตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะขณะเกิดเหตุลูกสาวตนอยู่ในความดูแลของทางโรงพยาบาล ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไรขึ้นกับลูกสาวตน
ขณะที่พ่อของเด็กหญิงวัย 2 สัปดาห์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้ลูกแขนหัก และ โดยส่วนตัวไม่คิดว่าจะเกิดจากตัวเด็กเอง เพราะเด็กยังไม่สามารถพลิกตัวได้เอง จนถึงตอนนี้ตนอยากทราบสาเหตุที่แท้จริง วันนี้จึงมาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐาน และอยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงถึงสาเหตุ ว่าเกิดจากอะไร และจะรับผิดชอบอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น