เข้าสู่ฤดูที่ผลไม้ใน อ.กะปง จ.พังงา ออกสู่ตลาดกันแล้ว ถ้าเอ่ยถึง อ.กะปง เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่ 2 ชนิด คือ ทุเรียนสาลิกา และมังคุดทิพย์ โดยเฉพาะทุเรียน “สาลิกา” ได้ชื่อว่าเป็นราชินีทุเรียนพื้นเมืองพังงา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และมังคุดทิพย์ มังคุดออแกนิก
ด้วย อ.กะปง จ.พังงา เป็นอำเภอเล็กๆ ที่มีภูเขารายล้อม ทำให้สภาพภูมิอากาศและดินเหมาะในการปลูกทุเรียนสายพันธุ์สาลิกา ซึ่งเป็นผลไม้อัตลักษณ์ของจังหวัดพังงา ที่มีต้นกำเนิดในพื้นที่อำเภอกะปง ทุเรียนสาลิกาของแท้ดั้งเดิมนั้นต้องที่ อ.กะปง จะมีลักษณะผลค่อนข้างกลม เปลือกบาง เมล็ดลีบ เนื้อสีเหลืองทองและละเอียด รสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญ สาลิกาแท้จากกะปงบริเวณกลางแกนผลมีสีสนิมสีแดงทุกลูก จนได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ภายใต้ชื่อ “ทุเรียนสาลิกาพังงา” จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อปี พ.ศ.2561
ตอนนี้ในพื้นที่อำเภอกะปง มีสวนทุเรียนสาลิกาหลายสวนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเลือกซื้อและรับประทานทุเรียนสาลิกาในสวน รวมไปถึงผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มังคุดทิพย์ ที่เก็บจากสวนใหม่ๆ สดๆ ในบรรยากาศสวนผลไม้สบายๆ
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพังงา นำโดยนายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพังงา และ น.ส.จุฑารัตน์ นิลหัสถ์ รองผู้อำนวยการ นำสื่อมวลชน จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เยี่ยมชมสวนทุเรียนสาลิกาที่เปิดสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชิมกันถึงในสวน ที่สวนลุงนวย สวนป้านุช ลุงเปีย และสวนมังคุดผิงผิง ภายใต้โครงการจัดเส้นทางท่องเที่ยวทัวร์ผลไม้ ในช่วงฤดูฝนอำเภอกะปง จ.พังงา
เพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตทุเรียนสาลิกา และมังคุดทิพย์ ผลไม้ออแกนิกใน จ.พังงา และตอกย้ำความอร่อยของผลไม้ใน อ.กะปง ที่ได้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ Geographical Indications (GI) และปัจจุบันสวนผลไม้ในพื้นที่ จ.พังงา ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐถึง 20 สวน
นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพังงา กล่าวว่า ททท.พังงา มีแผนที่จะส่งเสริมผลไม้ใน อ.กะปง ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่ “มังคุดทิพย์พังงา” ซึ่งเป็นผลไม้ที่อาจจะล้นตลาดได้ในช่วงที่ผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งในปีหน้าอาจมีโครงการกินทุเรียนแถมมังคุด ซึ่งเป็นผลไม้ที่กินคู่กันได้เป็นอย่างดี โดยมังคุดทิพย์พังงานั้น ทางจังหวัดพยายามที่จะผลักดันให้เป็นสินค้า GI อีกตัวหนึ่งต่อจากทุเรียนสาลิกา ซึ่งมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว และมีผิวลาย เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมี เป็นมังคุดออแกนิก
ส่วนทุเรียนสาลิกา นั้นเป็นที่รู้จักในตลาดแล้วและเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนอีกด้วย ขณะนี้ได้มีการนำทุเรียนสาลิกามาทำเป็นเมนูพิซซ่า ในโรงแรมบ้านเขาหลัก รีสอร์ท ซึ่งเป็นเมนูที่น่าสนใจมาก และจะมีการส่งเสริมในการทำเมนูใหม่ๆ ที่มีส่วนผสมของทุเรียนสาลิกาต่อไปในอนาคต สำหรับแผนต่อไปคือ การประชาสัมพันธ์ทุเรียนบ้าน ซึ่งมีรสชาติอร่อยเช่นเดียวกัน โดย ททท.จะรวบรวมสวนใหญ่ๆ ต่อไป
วันนี้ เราจะพาไปบุกสวนทุเรียนสาลิกากันก่อน ไปกันที่สวน “ลุงอำนวย” หนึ่งในสวนทุเรียนสาลิกา ที่เปิดให้ลูกค้าเข้ามารับประทานที่สวน ซึ่ง นายวุฒิชัย วัยวัฒน์ ลูกชายลุงอำนวย บอกว่า ปีนี้ทุเรียนสาลิกาของที่สวนเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในแต่ละปีนั้นจะออกไม่ตรงกัน แต่อยู่ในช่วงเดือน เม.ย.และ พ.ค.ของทุกปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและการติดดอก
ลูกค้าสามารถเดินทางมาเลือกซื้อและรับประทานที่สวนได้เลย เรามีบริการแกะให้พร้อมรับประทาน หลังจากนี้ เมื่อผลไม้ชนิดอื่นออกสู่ตลาด ทางเราจะจัดเป็นบุฟเฟต์ผลไม้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานผลไม้ขึ้นชื่อของอำเภอกะปงหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มังคุดทิพย์พังงา เงาะ และอื่นๆ เพราะอำเภอกะปงขึ้นชื่อเรื่องผลไม้อยู่แล้ว
หากลูกค้าต้องการที่จะซื้อกลับบ้าน ทางเรามีกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม บรรจุให้เพื่อนำไปเป็นของฝาก นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถเดินทางมาที่ร้านได้ สามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เพจเฟซบุ๊กสวนลุงอำนวย หรือโทร.08-1188-7434 ส่งทั่วไทย
ทุเรียนสาลิกา สวนลุงอำนวย จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 200 บาท ไปจนถึง 300 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของและน้ำหนักของแต่ละลูก และรับรองว่าทุกลูกที่จำหน่ายนั้นคัดคุณภาพอย่างดีทุกลูก รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง ทุกลูกเข้าลักษณะอัตลักษณ์ทุเรียนสาลิกา
สวนต่อไป “สวนป้านุชและลุงเปีย” อยู่ห่างจากสวนลุงอำนวย ประมาณ 15 กม.ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยสวนทุเรียน มังคุด เงาะ และผลไม้อื่นๆ มีการจัดบริเวณให้นั่งรับประทานสบายๆ มีบึงน้ำอยู่ตรงกลาง ลมพัดเย็นๆ สวนนี้เป็นธุรกิจสาลิกาออแกนิกที่ทางสวนใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากน้ำหมักธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ใช้สารเคมีแต่อย่างใด
นางบุญสม มีเกิด หรือป้านุช เจ้าของสวน กล่าวว่า เดิมทีทุเรียนสาลิกาปลูกไว้กินเองเพราะเป็นทุเรียนบ้าน แต่แตกต่างไปจากทุเรียนบ้านตรงที่แกนกลางมีสีสนิมเป็นสีแดง เปลือกบาง เนื้อเยอะ รสชาติหอมหวาน เนื้อละเอียด จึงกลายเป็นที่นิยมของคนที่ชื่นชอบทุเรียน และทุเรียนสาลิกาของสวนป้านุช นั้นปลอดสารพิษเพราะเราใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากน้ำหมักธรรมชาติ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานทุเรียนที่อร่อย และปลอดสารพิษ รวมทั้งเป็นสวนที่ผลผลิตออกก่อนสวนอื่นๆ ในกะปง ซึ่งปีนี้ออกสู่ตลาดตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และอีกสักประมาณ 2 สัปดาห์ ผลผลิตก็น่าจะหมดแล้ว
ป้านุช การันตีว่า คนที่ชื่นชอบทุเรียนสาลิการับรองว่าถ้าได้มารับประทานที่สวนของป้านุชจะไม่ผิดหวัง แม้ว่าราคาจะสูงกิโลกรัมละ 250-300 บาท เมื่อได้รับประทานแล้วจะรู้ว่าทำไมราคาถึงสูงและจะรู้ว่าคุ้มค่าจริงๆ ทุกลูกถูกคัดสรรมาอย่างดี คุณภาพเต็มร้อย หากเกิดข้อผิดพลาดทุเรียนมีปัญหา ทางเรารับเคลมเปลี่ยนลูกใหม่ให้ลูกค้าทันที เพื่อให้ลูกค้าประทับใจที่สุด
พิเศษไปกว่านั้น สวนป้านุชยังมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้า นาทีทอง สาลิกา กิโลฯ ละ 100 บาท หรือ 150 บาท ต้องติดตามผ่านทางเพจสวนป้านุชลุงเปีย และยังส่งขายทั่วไทย ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ทางเพจสวนป้านุชลุงเปียได้เลย
ป้านุช ยังบอกอีกว่า สำหรับวันเสาร์และวันอาทิตย์ ทางสวนป้านุชยังมีข้าวเหนียวทุเรียน และหญ้าฉ้องทอด (อาหารท้องถิ่น) ไว้บริการลูกค้าอีกด้วย
นอกจากทุเรียนสาลิกา และมังคุดทิพย์พังงา ที่ขึ้นชื่อแล้ว อำเภอกะปงยังมีแหล่งท่องเที่ยวรอทุกคนไปเยือนไปสัมผัส ทั้ง น้ำตกหินลาด น้ำพุร้อนปลายพู่ ถนนคนเดินปากถัก ยลวิถีชีวิตคนกะปง หาอาหารอร่อยๆ รับประทาน แวะไปเที่ยว...กะปง กัน