xs
xsm
sm
md
lg

จ่อผุด “มารีน่า” ฝั่งทะเลตะวันออกเกาะภูเก็ต มั่นใจภูเก็ตยังเป็นแม่เหล็กดึงเรือยอชต์ เตรียมพร้อมลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักลงทุนภูเก็ตและกลุ่มทุนส่วนกลาง มั่นใจภูเก็ตยังเป็นแม่เหล็กดึงเรือยอชต์จากต่างชาติและเรือไทยเข้ามาท่องเที่ยวเหมือนก่อนเกิดโควิด จ่อผุด “มารีน่า” เพิ่มอย่างน้อย 3 แห่ง ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ ทั้งอ่าวมะขาวเบย์ มารีน่า อ่าวกุ้ง มารีน่า และกรีน พอร์ท มารีน่า ศึกษา EIA เตรียมพร้อมลงทุน


“มารีน่า ฮับ” หรือศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลโดยเรือยอชต์ เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ในการทำให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลโดยเรือสำราญและเรือยอชต์ในภูมิภาคนี้ เพราะในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตโดยเรือยอชต์เป็นจำนวนมาก มีเรือยอชต์เข้ามาปีละเป็นพันลำ ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลกเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก (ช่องแคบมะละกา) ซึ่งมีการเดินเรือเป็นจำนวนมาก และสภาพพื้นที่ที่เหมาะสม ทำให้จังหวัดภูเก็ตเป็นที่นิยมในการจอดเรือสำราญและเรือยอชต์เพื่อเข้ามาท่องเที่ยวและนำเรือเข้ามาให้บริการทางด้านการท่องเที่ยว จากความสวยงามของธรรมชาติ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และที่สำคัญภูเก็ตมีความพร้อมของท่าเทียบเรือยอชต์ (มารีน่า)


โดยมารีน่า หรือท่าจอดเรือยอชต์ในภูเก็ต ที่เปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้มีทั้งหมด 5 แห่ง เป็นของรัฐ 1 แห่ง คือ ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง บริหารโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เป็นท่าเรือสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีเรือทั้งเรือสาธารณะและเรือเช่าเหมาลำมาจอด รองรับเรือได้จำนวน 240 ลำ และมารีน่าเอกชน อีก 4 แห่ง ประกอบด้วย ยอร์ทเฮเว่น มารีน่า ตั้งอยู่หัวเกาะภูเก็ต ในพื้นที่ ต.ไม้ขาว รองรับเรือได้ 300 ลำ อ่าวปอแกรนด์มารีน่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง รองรับเรือได้ 320 ลำ รอยัล ภูเก็ต มารีน่า รองรับเรือได้จำนวน 95 ลำ และโบ๊ทลากูน มารีน่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต รองรับเรือได้ 300 ลำ


จากแนวโน้มความต้องการที่จอดเรือเพื่อให้บริการท่องเที่ยวทางทะเลและจอดเรือยอชต์เพิ่มสูงขึ้นตามการเติบโตด้านการท่องเที่ยวทางทะเล ทำให้ธุรกิจมารีน่าเป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมการท่องเที่ยวภูเก็ตจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่นักลงทุนยังมั่นใจในศักยภาพของภูเก็ตและมั่นใจว่าธุรกิจมารีน่าในภูเก็ตจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้ภูเก็ตจะมีมารีน่าแล้วถึง 5 แห่งก็ตาม

จากข้อมูลพบว่า ขณะนี้นักลงทุนทั้งจากส่วนกลางและนักลงทุนท้องถิ่นภูเก็ตได้มีการเตรียมความพร้อมในการลงทุนก่อสร้างมารีน่าทางฝั่งทะเลตะวันออกของเกาะภูเก็ต จากจุดบริเวณอ่าวมะขาม ต.วิชิต ไปจนถึงหัวเกาะ ต.ไม้ขาว อย่างน้อย 3 โครงการ ที่ได้มีการเปิดตัวแนะนำโครงการ รวมไปถึงเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานรัฐเกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเกิดขึ้นของโครงการทั้งระหว่างการก่อสร้างและหลังเปิดให้บริการ ที่อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ การออกแบบศึกษารายละเอียดโครงการ และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)


ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท มะขาม เบย์ มาริน่า จำกัด เจ้าของโครงการท่าเรือสำราญและกีฬา อ่าวมะขาม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านอ่าวมะขาม หมู่ที่ 7 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการ ขอบเขตการศึกษาและการประเมินทางเลือกโครงการ เพื่อแนะนำโครงการและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ โดยโครงการนี้ตั้งอยู่บนที่ราชพัสดุ แปลงที่ ภก.308 นสล.เลขที่ 0069 เนื้อที่ 23 ไร่ ได้รับสัมปทานจากกรมธนารักษ์เป็นเวลาอีก 30 ปี

โดยภายในโครงการประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ท่าเทียบเรือสำราญและกีฬา (มารีน่าจอดเรือยอชต์) โรงแรม และพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งในส่วนของท่าเทียบเรือยอชต์นั้นจะก่อสร้างในพื้นที่ทะเลเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ซึ่งมีลักษณะเป็นอ่าว เหมาะสำหรับจอดเรือ รูปแบบเป็นท่าเรือแบบสามารถเคลื่อนไหวได้ รองรับเรือขนาดความยาวสูงสุด 30 เมตร กินน้ำลึก 3 เมตร จำนวน 134 ลำ พร้อมบริการหลังท่าที่จะมีทั้งการบริการน้ำมัน ระบบน้ำประปาและไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนพื้นที่บนบกที่ได้รับสัมปทานนั้นจะพัฒนาเป็นโรงแรมขนาด 70 ห้อง ทุกห้องซีวิว และพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ ที่เป็นคลับ ร้านอาหาร พื้นที่ให้เช่า เป็นต้น โดยทั้ง 3 ส่วนนี้จะพัฒนาไปพร้อมๆกัน มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท


โครงการนี้ เจ้าของซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากส่วนกลางได้วางแผนที่จะพัฒนาให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในปี 2568 โดยจะทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในปี 2565 นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จและได้รับการอนุมัติภายในปี 2566 หลังจากนั้นจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ยังกังวล 2 เรื่องหลักๆ คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวประมงพื้นบ้าน เนื่องจากพื้นที่ในทะเลที่จะขุดลอกเพื่อสร้างท่าเทียบเรือยอชต์นั้นเป็นจุดจอดเรือประมงของชาวประมงพื้นบ้านมาเป็นเวลาช้านานแล้ว ไม่ต่ำกว่า 30-50 ลำ ชาวประมงกังวลว่าถ้าจะใช้พื้นที่บริเวณนี้สร้างท่าเทียบเรือยอชต์แล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน เพราะนอกจากเป็นจุดจอดเรือแล้วพื้นที่ด้านบนชาวประมงยังใช้ในการซ่อมแซมเรือและทำเครื่องมือประมง รวมไปถึงปัญหาหญ้าทะเล ว่า ในจุดที่จะก่อสร้างโครงการมีหญ้าทะเลอยู่หรือไม่ เพราะหากมีหญ้าทะเลอยู่จริงเท่ากับมารีน่าสร้างทับพื้นที่หญ้าทะเล ซึ่งประเด็นข้อห่วงใยทั้งหมดนี้ ทางบริษัทที่ปรึกษาจะนำเสนอในการประชุมครั้งที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีก 3 เดือน


อีกหนึ่งโครงการที่ได้มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาสักระยะหนึ่งแล้ว คือ โครงการท่าเทียบเรือ “อ่าวกุ้ง มารีน่า” ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นการก่อสร้างท่าเทียบเรือยอชต์บนที่ดินเอกสารสิทธิของเอกชน เนื้อที่ 30 ไร่ ที่เป็นนากุ้งร้าง แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ส่วน คือ ที่จอดเรือ 75 ท่า รองรับเรือได้ 75 ลำ รองรับเรือสูงสุด 18 เมตร มีพื้นที่แอ่งจอดเรือทั้งหมด 35,000 ตร.ม.และในส่วนของพื้นที่บริการ ก่อสร้างอาคารชั้นเดียว 8 อาคาร เช่น โรงเก็บเรือ อาคารงานระบบ อาคารสำนักงาน โรงซ่อมบำรุงเรือ ห้องน้ำ ศาลาพักคอย เป็นต้น



โครงการนี้เป็นการลงทุนโดยนักลงทุนท้องถิ่นภูเก็ตในพื้นที่ป่าคลอก การก่อสร้างท่าเทียบเรือใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท และทางโครงการมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่องในส่วนของที่พักอาศัยแบบพูลวิลล่าอีกด้วย หลังก่อสร้างมารีน่าแล้วเสร็จ 

โครงการอ่าวกุ้งมารีน่าได้เปิดรับฟังความคิดเห็นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปแล้ว 3 ครั้ง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมจัดทำเป็นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์ที่สุดก่อนเสนอไปให้ สผ.พิจารณา


โครงการท่าเทียบเรือสำราญกีฬา กรีนพอร์ท มารีน่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สามารถรองรับเรือได้ 219 ลำ บนเนื้อที่โครงการประมาณ 144 ไร่ ขณะนี้รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ผ่านการเห็นชอบแล้ว รอการลงทุนต่อไป


แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ท่องเที่ยวภูเก็ตจะซบเซาอย่างหนัก ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่นักลงทุนทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่นภูเก็ต ยังมั่นใจในศักยภาพของภูเก็ตที่จะยังคงเป็นแม่เหล็กในการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเรือยอชต์และเรืออื่นๆ เข้ามาภูเก็ตในอนาคตอันใกล้นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น