นราธิวาส - ตำรวจกองปราบสกัดจับบุคคลต่างด้าวชาวพม่า 75 คน คารถยนต์กระบะใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมรวบผู้นำพาอีก 5 คน พบจ่ายค่าหัวนายหน้ารายละ 2-3 หมื่นบาท เตรียมแอบนำข้ามชายแดนไปมาเลเซีย
วันนี้ (19 พ.ค.) พ.ต.อ.พงษ์ปณต ชูแก้ว ผกก.กก.6 บก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ บุญทอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมกำลังรวม 8 นาย ทำการสกัดกั้นกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ แอบลักลอบขนย้ายกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติพม่า จากพื้นที่ อ.บางกล่ำ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อแอบลักลอบนำส่งทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อเดินทางเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงได้ขอสนับสนุนกำลังจาก พ.ต.อ.ปรัชญา ไบเตะ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.ตม.จส.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สุไหงโก-ลก ร่วมสนธิกำลังในการเฝ้าระวัง และสังเกตการณ์รถยนต์กระบะต้องสงสัยที่คาดว่าจะแล่นผ่านเข้าพื้นที่ เพื่อเดินทางต่อไปยังพื้นที่ อ.แว้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้รีบขับรถยนต์นำกำลังเข้าพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อเข้าร่วมในการจับกลุ่ม
ต่อมาเจ้าหน้าที่ที่วางกำลังดักซุ่มอยู่ที่บริเวณถนนหน้าบ้านตันหยงมะลิ เยื้องกับสนามกอล์ฟคลับแอนด์รีสอร์ต ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย จำนวน 3 คัน ที่แล่นตามกันมา และมีรั้วกระบะหลังที่ใช้ผ้าพลาสติกสีฟ้าคลุมมิดชิด เจ้าหน้าที่จึงเดินออกจากจุดดักซุ่ม พร้อมแสดงตัวเพื่อบอกสัญญาณให้รถยนต์กระบะทั้ง 3 คันจอดในการขอเข้าตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติพม่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิง นั่งและยืนอัดแน่นอยู่ในกระบะหลังคันละประมาณ 20-30 คน พร้อมมีกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าวางเรียงราย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวคนขับรถยนต์กระบะ และผู้นำพา จำนวน 5 คน และชาวพม่ารวม 75 คน โดยแยกเป็นผู้หญิง จำนวน 12 คน โดยอยู่ในช่วงอายุ 18-35 ปี ไปทำการสอบสวน และเขียนบันทึกการจับกุมที่ สภ.สุไหงโก-ลก พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.สุไหงโก-ลก มาทำการตรวจ ATK โดยทุกคนปลอดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
จากการสอบสวน นายนุรดิง อาลี 1 ใน 5 ผู้นำพาบุคคลต่างด้าวให้การว่า ตนทำหน้าที่ในการนำพาชาวพม่าจากพื้นที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา โดยได้ค่าหัวคนละ 1,000 บาท เพื่อไปส่งต่อที่ช่องทางข้ามธรรมชาติในพื้นที่ อ.แว้ง โดยชาวพม่ามีความประสงค์ที่จะแอบข้ามแดนไปทำงานในประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเป็นนายหน้านำบุคคลต่างด้าวแอบลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียโดยตรง เพียงแต่รับจ้างนำพาในการขนย้ายเท่านั้น
จากการสอบถามชาวพม่าผ่านล่ามทราบว่า ชาวพม่าทั้งหมดต้องจ่ายเงินค่าหัวให้กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ รายละประมาณ 20,000-30,000 บาท ในการนำพาเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย โดยมีการขนย้ายพวกตนมาจากฝั่งตรงข้ามประเทศพม่าเป็นทอดๆ โดยไม่ทราบว่ามีการขนย้ายพวกตนมาจากจุดพื้นที่ใดบ้าง เนื่องจากส่วนใหญ่จะแอบขนย้ายพวกตนในช่วงเวลากลางคืน ที่ทราบว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบบนท้องถนน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งดำเนินคดีแก่ผู้นำพาทั้ง 5 คน ในข้อหานำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งดำเนินคดีชาวพม่าทั้ง 75 คน ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามา หรืออยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย
