ปัตตานี - โรงเรียนอนุบาลปัตตานียังคงห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮีญาบเข้าเรียนในการเปิดเทอมใหม่ปี 65 ยกเว้น 20 รายที่ได้รับคำสั่งคุ้มครองจากศาล ชี้แจงเหตุเพราะคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด
วันนี้ (17 พ.ค.) ดร.ศักดิ์จิต มาศจิตต์ ศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี พร้อมทีมศึกษานิเทศก์ ได้ออกสุ่มตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัดปัตตานี ทั้งโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดอาชีวศึกษา และโรงเรียนระดับประถมศึกษา เน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 วันเปิดเทอมวันแรกของการเปิดภาคเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งเป็นการเรียนการสอนแบบ On-Site วันแรก หลังจากที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากว่า 2 ปี
ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่สถานศึกษาได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น การเว้นระยะห่าง การตรวจวัดอุณหภูมิ การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ บางโรงเรียนได้จัดให้ผู้ปกครองลงทะเบียนเมื่อนำเด็กเล็กมาส่งที่ห้องเรียน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกคนปฏิบัติตามมาตรการที่สถานศึกษาจัดขึ้นด้วยความเต็มใจ
ขณะเดียวกัน น้องฮัฟซะห์ ก็ยังคงเดินหน้าแต่งกายชุดสวมฮีญาบมาเรียนวันแรกที่โรงเรียนอนุบาลปัตตานี แสดงความดีใจที่ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกครั้งแล้ว หลังจากต้องเรียนออนไลน์ข้ามชั้นปีโดยไม่ได้เจอกับเพื่อนๆ เลย น้องฮัฟซะห์ เป็นนักเรียนมุสลิม 1 ใน 2 คน จาก 20 คนแรกที่ศาลปกครองให้การคุ้มครองชั่วคราวที่สามารถสวมชุดฮีญาบมาเรียนได้ในโรงเรียนอนุบาลปัตตานีแห่งนี้ เพราะเพื่อนๆ ที่เหลือได้เรียนจบในระดับชั้นประธมศึกษาที่นี่แล้ว และไปเรียนต่อในชั้นมัธยมในโรงเรียนต่างๆ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้การสวมฮีญาบของเด็กนักเรียนอนุบาลปัตตานีแห่งนี้เคยเป็นประเด็นวิพากษ์ระหว่างผู้ปกครองมุสลิมกับทางผู้บริหารโรงเรียน หลังจากกรรมการศึกษาไม่ยินยอมให้นักเรียนมุสลิมคลุมศีรษะหรือสวมฮีญาบ ทั้งที่การคลุมฮีญาบตามแบบฉบับนักเรียนมุสลิมนั้นไม่ได้ผิดหรือขัดต่อกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด แต่กลับถูกอ้างว่าโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้สร้างขึ้นในที่ดินของวัดจึงกลายเป็นโรงเรียนของวัด ทั้งที่หลักความจริงแล้วที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ดินของพี่น้องมุสลิมตระกูลระเด่นอะหมัดร่วมบริจาคอีกด้วย จึงเป็นประเด็นวิพากษ์ยืดเยื้อจนถึงทุกวันนี้
จนกระทั่งเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ผู้ปกครองของนักเรียนจำนวน 20 คน ที่กำลังเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ ขณะนั้นต้องยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้มีการคุ้มครองนักเรียนทั้ง 20 คน สามารถสวมผ้าคลุมศีรษะหรือคลุมฮีญาบได้ตามปกติ และได้รับการคุ้มครองจากคำสั่งของศาลปกครองทันที ปัจจุบันนักเรียนดังกล่าวยังคงเหลืออีก 2 คน
จนกระทั่งล่วงเลยระยะเวลา 4 ปี ที่รอคอยกรณีพิพากษ์เรื่องคลุมฮีญาบในโรงเรียนอนุบาลปัตตานีแห่งนี้ ระหว่างผู้บริหารสถานศึกษากับผู้ปกครอง ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ศาลปกครองจังหวัดยะลาได้อ่านคำสั่งพิพาษาให้นักเรียนสามารถสวมชุดฮีญาบได้ สร้างความปลื้มปีติยินดีให้กับเด็กนักเรียนและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก หลังจากได้รับคืนความเป็นธรรมที่นักเรียนมุสลิมจะได้แต่งชุดฮีญาบพร้อมกันได้อย่างภาคภูมิในเปิดเทอมใหม่นี้
โดยศาลให้เหตุผลว่า โรงเรียนอนุบาลซึ่งเป็นโรงเรียนที่ดำเนินโดยภาครัฐในสังกัดผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่ได้ดำเนินการโดยสถาบันทางศาสนาหรือเป็นโรงเรียนสอนศาสนาโดยศาสนจักรที่มีวัตถุประสงต์หลักเพื่อศาสนา หรือหลักปฏิบัติในทางศาสนาที่จำต้องรักษาอัตลักษณ์ของศาสนาไว้
ด้วยเหตุนี้ปกติประเพณีของโรงเรียนอนุบาลปัตตานีในฐานะเป็นการจัดการทำบริการสาธารณะอย่างหนึ่งของรัฐ ที่ตามปกติต้องมีความเป็นกลางทางศาสนา คือต้องแยกศาสนาออกจากการปกครองหรือการจัดทำการบริการสาธารณะ ต้องให้โอกาสแก่พลเมืองที่อยู่ในวัยเรียนในทุกเชื้อชาติ ศาสนาได้มีโอกาสในการเข้ารับการศึกษาโดยเสมอภาคกัน ภายใต้การปฏิบัติตามหลักศาสนาหรือความเชื่อของตน ตามสิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตราบเท่าที่มีการปฏิบัติตามหลักศาสนาหรือความเชื่อนั้นไม่ได้เป็นปัญหา อุปสรรคต่อการเรียน การสอนอย่างร้ายแรง จนไม่อาจจัดการเรียนการสอนได้หรือขัดต่อความไม่สงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นหรือมีผลต่อสุขอนามัย
แต่ความฝันเหล่านั้นได้ล่มสลายอีกครั้งหลังจากที่ทางผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เหมือนจะไม่ลดละความพยายามเดินหน้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองและมีการติดประกาศของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี โดยอ้างกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนอนุบาลปัตตานีในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 มีมติให้อุทธรณ์คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 9/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 17/2565 ด้วยคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดคดีจึงไม่ถึงที่สุด จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ด้วยเหตุผลข้างต้นทางผู้บริหารโรงเรียนจึงยังไม่อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมที่เรียนในโรงเรียนอนุบาลปัตตานีคลุมฮีญาบไปเรียนได้ ยกเว้น 20 คนแรกที่ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวจากศาลให้สามารถคลุมฮีญาบมาเรียนได้ ปัจจุบันยังคงเหลือ 2 คน แม้ก่อนหน้านี้ศาลปกครองยะลาอ่านคำสั่งพิพากษาให้สามารถคลุมฮีญาบได้แล้วก็ตาม สร้างความไม่พอใจให้กับพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ต่อท่าทีของผู้บริหารและกรรมการศึกษาแห่งนี้
ในเมื่อวัดเขาอ้างเป็นโรงเรียนของวัด และมีกฎกติกาให้ตามพระสงฆ์ ที่ไม่ใช่กฎกระทรวงศึกษา ทางออกที่สง่างามที่สุดจังหวัดปัตตานีน่าจะต้องย้ายโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดปัตตานีไปสร้างในสถานที่แห่งใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในการรักษาสิทธิของลูกหลานชาวปัตตานีที่นำส่งลูกหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนอนุบาลของรัฐ ที่มีคุณภาพในระดับจังหวัดได้อย่างเสมอภาค