ตรัง - ชาวต่างจังหวัดที่ผ่านไปมายังเมืองตรัง ต่างให้ความสนใจวัฒนธรรมบอกประกาศงานศพ ที่แปรเปลี่ยนจากการติดใบประกาศ มาเป็นการติดป้ายประกาศตามแยกต่างๆ เพราะมีบางจุดติดกันยาวเหยียด
วัฒนธรรมการบอกประกาศงานศพของ จ.ตรัง ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านที่น่าสนใจยิ่ง จากเดิมที่ใช้วิธีการพิมพ์ใบประกาศงานศพ ซึ่งถูกนักวิชาการขนานนามว่า เป็นการ์ดเชิญที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วนำไปติดตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะร้านโกปี้ หรือร้านกาแฟ ซึ่งเป็นจุดพบปะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองตรัง เพื่อให้บรรดาญาติมิตรรู้ข่าว แล้วเดินทางมาร่วมงานศพ เพราะถือว่าได้เป็นการเชื้อเชิญแล้ว จึงนับเป็นจังหวัดเดียวของไทยที่ไม่มีการแจกการ์ดเชิญให้เดินทางมาร่วมงานศพ แต่จะใช้วิธีการบอกกล่าวกันด้วยใบประกาศแทน
อย่างไรก็ตาม ด้วยยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนได้ทำให้วัฒนธรรมการบอกประกาศงานศพของ จ.ตรัง ด้วยวิธีการพิมพ์ใบประกาศค่อยๆ ลดลง และหันมาใช้วิธีการทำป้ายไวนิล แล้วนำไปติดตามสถานที่ต่างๆ แทน โดยเฉพาะตามแยกริมถนนสายสำคัญแถวชานเมือง เนื่องจากเป็นจุดที่มีผู้คนผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก และบางจุดถึงกับมีการติดป้ายประกาศงานศพกันยาวเหยียดนับสิบงานเลยทีเดียว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง และได้อนุญาตให้สามารถจัดงานศพตามประเพณีได้ จนสร้างความฮือฮาให้ชาวต่างจังหวัดที่เดินทางมาพบเห็นอย่างมาก
พระมหาธีระยุทธ จิตตปุญโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดตันตยาภิรม พระอารามหลวง และเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง กล่าวว่า วัฒนธรรมการติดใบประกาศ หรือติดป้ายประกาศงานศพ ถือเป็นอัตลักษณ์อันโดดเด่นของ จ.ตรัง ที่เมื่อชาวต่างจังหวัดผ่านมาพบเห็นจะให้ความสนใจอย่างมาก โดยใบประกาศ หรือป้ายประกาศเหล่านั้นจะบอกถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับผู้ตาย เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วัน สถานที่จัดงานศพ รวมทั้งรายชื่อเจ้าภาพ ซึ่งเปรียบเสมือนจดหมายฉบับสุดท้ายของผู้ตาย เพื่อให้ญาติมิตรเพื่อนฝูงที่รับทราบข่าวได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัย
