ศูนย์ข่าวภูเก็ต - 3 รุม 1 รุ่นพี่วัย 15 รุมตบรุ่นน้อง ป.5 ขู่ห้ามบอกพ่อแม่ ถ้าไม่เชื่อจะฆ่า แม่เห็นคลิป โร่แจ้งความแล้ว ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด บุกเข้าไปในบ้านปิดประตู ผ้าม่าน รุมตบ รุมตืบน้องเละ
ขณะนี้ในโซเชียลได้มีการเผยแพร่คลิปรุ่นพี่จำนวน 3 คน รุมตบรุ่นน้อง เหตุเกิดในจังหวัดภูเก็ต และมีการแชร์ต่อกันมากมายในโลกออนไลน์ โดยผู้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุข้อความว่า “3 คน รุมทำร้ายเด็ก ป.5 จนต้องร้องขอชีวิต ตามหาค่ะ ลูกหลานใครรบกวนติดต่อมาด้วยค่ะ มาทำร้ายร่างกายหลานเราถึงในบ้าน ปิดประตูปิดผ้าม่าน เด็กอยู่กัน 2 คน พ่อแม่ไปธุระ เด็กอายุ 15 ทำร้ายเด็ก ป.5 เกินไปไหม ขู่ไม่ให้บอกพ่อแม่ จะฆ่า อายุแค่นี้ทำได้ขนาดนี้ พ่อแม่รับรู้ไหม ทำร้ายตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.เพิ่งรู้เรื่องวันนี้” ซึ่งมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก
ต่อมา นางศันนีย์ อายุ 37 ปี มารดาของ ด.ญ.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 11 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.วีรยุทธ ธัญสิริสุขวรกุล สว.(สอบสวน) เพื่อให้ดำเนินคดีรุ่นพี่จำนวน 4 คน ที่บุกเข้ามาทำร้ายร่างกายลูกสาวภายในบ้านพักย่าน ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีการถ่ายคลิปแล้วนำไปโพสต์ในโซเชียล
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องรับแขกของบ้านผู้เสียหายในพื้นที่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 เมษายน 2565 โดยเด็กที่ถูกทำร้ายมีอายุ 11 ปี และเป็นลูกสาวเจ้าของบ้าน ช่วงเกิดเหตุเด็กอยู่บ้านเพียงลำพัง ในระหว่างนั้นมีเพื่อนรุ่นพี่ 4 คน ได้มาที่บ้าน และเมื่อเข้าไปในห้องรับแขกของบ้านก็ปิดผ้าม่านและประตูหมด จากนั้น 3 คน ช่วยกันรุมตบตีทั้งถีบและกระชากผมน้องลูกเจ้าของบ้าน โดยมีอีกคนถ่ายคลิป ด้วยความเจ็บน้องจึงร้องขอให้หยุด
โดยทางรุ่นพี่ได้ขู่ด้วยว่า ห้ามบอกแม่ หากบอกจะเอาพี่ของทั้ง 4 คนมารุมตบอีก ทำให้น้องไม่กล้าบอกใคร กระทั่งแม่ไปเห็นคลิปที่มีการแชร์ในโซเชียลจึงได้รู้ความจริง และพาน้องไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีรุ่นพี่ที่ก่อเหตุทั้ง 4 คนดังกล่าว
โดยแม่ของผู้เสียหาย ระบุว่า เห็นคลิปที่ลูกถูกกระทำและรับไม่ได้ ครั้งแรกที่เห็นร้องไห้ด้วยความสงสารลูก เพราะเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน และเป็นการถูกทำร้ายในบ้านตัวเอง โดยรุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าถึง 3 คน และมีคนยืนถ่ายคลิปอีกคน รวมเป็น 4 คน
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.วิชิต ซึ่งทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และวันนี้ (16 พ.ค.) จะเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป