xs
xsm
sm
md
lg

หมอยืนยันเด็ก 12 ปี ตาบอดไม่ใช่เกิดจากการฉีดวัคซีน พบติดเชื้อแบคทีเรียเพราะไซนัสอักเสบเฉียบพลัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หมอยืนยันเด็ก 12 ปี ตาบอดไม่ใช่เกิดจากการฉีดวัคซีนตามที่เป็นข่าว พบติดเชื้อแบคทีเรียเพราะไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ลุกลามเข้าไปในตา ฐานสมองที่มีเส้นประสาทตา นำน้ำจากเบ้าตา ฐานกะโหลก และไขสันหลังไปตรวจสอบแล้ว

จากกรณีนายก้าน แซ่อ๋อง อายุ 62 ปี และ นางเกสี แซ่อ๋อง อายุ 62 ปี ปู่และย่าของ ด.ช.นนทพัท แซ่อ๋อง หรือน้องโบ๊ท อายุ 12 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ร้องเรียนผ่านสื่อว่า หลานชายได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จนทำให้ตาบอด ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากทางครอบครัวมีฐานะลำบาก


ล่าสุด วันนี้ (9 พ.ค.) ที่ห้องประชุมมุขหน้าชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และทีมแพทย์ที่ทำการรักษา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการของเด็กชายคนดังกล่าว โดยสรุปว่า ปัญหาสายตาของเด็กไม่ได้เป็นผลกระทบจากการฉีดวัคซีน แต่เกิดจากอาการไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งที่ผ่านมา ทางทีมแพทย์ และ หน่วยงานที่เกี่ยวได้มีการเข้าดูแลและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู รวมถึงการเตรียมการเพื่อส่งตัวไปรักษากับแพทย์เฉพาะทางในส่วนกลาง

แพทย์หญิงณัฐวรรณ เทพณรงค์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ป่วยได้รับการส่งตัวจากโรงพยาบาลถลาง มายังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 จากการซักประวัติ พบว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ผู้ป่วยได้รับวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 2 (10 วันก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาล) และพบว่า 7 วันก่อนที่จะเข้ารับการรักษา มีตุ่มหนองขนาด 1 เซนติเมตร ที่หน้าแข้งด้านขวา โดยได้มีการบีบหนองออกเอง และแผลหายเอง ไปไม่ได้รับการรักษาอื่น และ 3 วันก่อนที่จะมาโรงพยาบาล มีอาการไข้ขึ้น หนาวสั่นตอนกลางคืน โดย 2 วันก่อนเข้าโรงพยาบาลผู้ป่วยมีเปลือกตาด้านขวาบวมแดง ตามองเห็นไม่ชัด เริ่มตามัว และก่อนเดินทางเข้ารับการรักษาเริ่มรู้สึกว่าลืมตาขวาไม่ขึ้น เปลือกตาบวมมากขึ้น กระทั่งเช้าวันที่ 6 ธ.ค.64 ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลถลาง มีอาการซึมและต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นได้นำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต


“เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการชักเกร็ง จึงให้ยากันชักผ่านทางหลอดเลือดดำ และส่งตรวจทีซีสแกนสมอง เพื่อหาสาเหตุอาการชัก ไข้ และเปลือกตาที่บวมแดง ผลพบว่า เนื้อสมองอักเสบ เปลือกตาและเบ้าตาขวาอักเสบ พบการอักเสบของไซนัสหลายตำแหน่ง จึงได้รับรักษาในหอผู้ป่วยหนักกุมารเวชกรรม หรือไอซียูเด็ก ตั้งแต่วันที่ 6-22 ธ.ค.64 โดยใส่ท่อช่วยหายใจตั้งแต่วันที่ 6-16 ธ.ค.64 หลังจากอาการคงที่ได้ย้ายมายังหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม และรักษาต่อเนื่องจนออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 10 กมราคม 2565”

แพทย์หญิงณัฐวรรณ ยังได้กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยมีอาการไซนัสอักเสบฉับพลันทุกไซนัส จากเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) พบได้จากการอักเสบติดเชื้อบริเวณผิวหนัง และพบในการติดเชื้ออักเสบฉับพลันได้ มีเบ้าตาอักเสบ และ มีฝีหนองในเบ้าตาด้านขวาจากเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียวกัน มีเยื่อหุ้มสมองและเนื้อสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสเช่นกัน นอกจากนี้ กระดูกรอบๆ โพรงไซนัสและกระดูกรอบเบ้าตาอักเสบ และ ภาวะอุดตันของแอ่งเลือดดำบริเวณฐานกะโหลก (Cavernous sinus thrombosis) ทั้งหมดเป็นภาวะที่เกิดร่วมกัน ซึ่งการอักเสบของไซนัสอาจจะเป็นสาเหตุของการทำให้เบ้าตาอักเสบ


ทีมแพทย์ได้มีการดูแลร่วมกันทันทีที่ผู้ป่วยถึงไอซียูเด็ก ประกอบด้วย แพทย์หูคอจมูก จักษุแพทย์และกุมารแพทย์ ซึ่งเมื่ออาการผู้ป่วยคงที่ได้มีการนำตัวไปผ่าตัดไซนัส และพบหนองในบริเวณไซนัส โดยได้มีการส่งหนองไปเพาะเชื้อ พบเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส หลังจากผ่าตัด ตาด้านขวายังบวมอยู่ และตาด้านซ้ายเริ่มบวมมากขึ้น จึงส่งตรวจเอกซเรย์ไฟฟ้าแม่เหล็ก หรือเอ็มอาร์ไอ โดยตรวจสมองและบริเวณตาด้วย พบว่ามีฝีหรือหนองที่เบ้าตาด้านขวา

คณะแพทย์ลงความเห็นให้มีการเปิดเพื่อระบายหนองที่ตาด้านขวาออก จากการส่งชิ้นเนื้อไปเพาะเชื้อพบเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสเช่นกัน ส่วนกรณีที่เยื่อหุ้มสมองและเนื้อสมองอักเสบ จากทีซีสแกนวันแรกเจอว่า มีการอักเสบของเนื้อสมองและจากการทำเอ็มอาร์ไอในวันถัดมาพบมีการอักเสบของเนื้อและเยื่อหุ้มสมอง จากนั้นมีการเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง พบการอักเสบเหมือนการติดเชื้อแบคทีเรีย มีการส่งตรวจเพาะเชื้อ เบื้องต้นไม่พบเชื้อ แต่ได้ส่งตรวจหาสารพันธุกรรมแบคทีเรีย เนื่องจากมีการเจาะน้ำไขสันหลังหลังจากให้ยาฆ่าเชื้อไปแล้ว ผลเป็นเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ส่วนการพบกระดูกรอบๆ โพรงไซนัสและกระดูกรอบเบ้าตาอักเสบ พบจากการตรวจเอ็มอาร์ไอจากสมอง


ด้าน นพ.คงกฤช กาญจนไพศิษฐ์ แพทย์ หู คอ จมูก โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตาบอด เกิดจากอาการไซนัสเฉียบพลัน และมีการลุกลามเข้าไปในตา บริเวณฐานสมอง ซึ่งมีเส้นประสาทตา และกลุ่มเส้นประสาทที่มาเลี้ยงตา รวมทั้งยังมีแอ่งเลือดดำอยู่ จึงทำให้ตาบวมและอักเสบ เมื่อลุกลามไปถึงฐานสมองทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เส้นเลือดดำบริเวณดังกล่าวอักเสบ ทำเด็กเกิดอาการซึม ไม่รู้สึกตัวและตอบสนองช้า

ประกอบกับบริเวณดังกล่าวมีกลุ่มเส้นประสาทจำนวนมาก รวมถึงเส้นประสาทตา จึงทำให้เกิดการอักเสบได้ ร่วมกับเลือดดำบริเวณนี้รับเลือดมาจากตา ฉะนั้นสาเหตุที่ทำให้เด็กสูญเสียการมองเห็นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส โดยอาจจะเริ่มต้นจากไวนัสและลุกลามเข้าไปในตาและฐานสมอง ทำให้เกิดภาวการณ์อักเสบของตาและเส้นประสาทตา และ เส้นประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อตา


หลักฐานที่สนับสนุน คือ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อจากไซนัส ตาและน้ำไขสันหลัง ตรวจพบเป็นเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส เหมือนกัน ดังนั้นความเห็นทางการแพทย์จึงสนับสนุนว่า การสูญเสียการมองเห็นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส

ด้าน นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับทราบข้อมูลและได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้การช่วยเหลือและดูแลเด็กและครอบครัวอย่างใกล้ชิด


กำลังโหลดความคิดเห็น