ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ปราบ กี่สิ้น” เจ้าของโรงแรม ผู้ประกอบการสถานบันเทิง เสนอรัฐพิจารณาประกาศโซนนิ่งพิเศษแหล่งท่องเที่ยวนานาชาติ เปิดให้บริการได้ถึงตี 4 เพื่อสอดรับการใช้ชีวิตของนักท่องเที่ยว หากทำได้ผู้ประกอบการต้องจ่ายภาษีเพิ่ม
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือปราบ กี่สิ้น ผู้บริหารฟิโซน่ากรุ๊ป และโรงแรมป่าตอง เบย์ ฮิลล์ อดีตประธานที่ปรึกษาชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวถึงการเรียกร้องให้มีการขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการ สถานบันเทิง เพื่อให้สอดรับกับการใช้ชีวิตของนักท่องเที่ยว ว่า สำหรับการเปิดปิดสถานบันเทิง และสถานบริการนั้นมีกำหนดเวลาที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นข่าวดีของคนบันเทิงที่มีการขยายเวลาให้เปิดได้ถึงเที่ยงคืน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้บ้าง เพราะอย่างที่ทราบนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่จะเหลื่อมเวลาอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมง เมื่อเขามาเที่ยวบ้านเราเขาจะเริ่มดินเนอร์ ประมาณ 3-4 ทุ่ม หลังจากนั้นจึงจะไปใช้บริการของสถานบริการที่มีดนตรีจึงมีเวลาน้อย แต่เมื่อมีการขยายเวลาไปจนถึงเที่ยงคืนถือว่าเป็นข่าวดี
แต่สิ่งที่อยากเห็นจริงๆ คือ เรื่องของการกำหนดโซนนิ่งในเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่สำคัญ เช่น ป่าตอง พัทยา สุขุมวิท ทองหล่อ ถนนข้าวสาร ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก อยากให้กำหนดเป็นโซนนิ่งพิเศษที่ควรจะมีการพิจารณาในเรื่องของเวลาปิดสถานบันเทิงให้เหมาะสม ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการ และผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหันมาหารือเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเสนอให้ผู้ว่าฯ และผู้การไปหารือร่วมกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประกอบการเข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการไม่ใช่ขอให้เปิดกันจนถึงเช้า แค่ขอให้มีการผ่อนปรนในระดับหนึ่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามีความสุข ซึ่งเป็นการสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง ซึ่งในส่วนของเรื่องกฎหมายนั้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพูดคุยว่าจะมีทางออกเรื่องนี้อย่างไรบ้าง สามารถออกเป็นประกาศอะไรก็ได้ที่ไม่ขัดต่อระเบียบของกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ต่างๆ ได้หรือไม่
นายปรีชาวุฒิ ยังได้กล่าวต่อไปว่า อยากให้มีการสนับสนุนให้มีการแก้กฎหมายไปเลย ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาวิจัยเรื่องของการเปิดสถานบันเทิงในป่าตองถึงตี 4 ซึ่งถ้ามีการเปิดถึงตี 4 จะสามารถตอบโจทย์ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วนของสังคมอาจจะกระทบบ้าง แต่คิดว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสม คนที่ออกจากสถานบันเทิงจะไม่ไปชนกับคนที่ใช้ชีวิตปกติ ซึ่งคำว่าตี 4 คือ เป็นช่วงที่คนต้องออกจากร้านทั้งหมดแล้ว ซึ่งช่วงที่สถานบันเทิงสามารถทำเงินได้มากที่สุดคือช่วง ตี 1-ตี 3
“อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเรื่องนี้จะเป็นการดำเนินการเฉพาะจุด ไม่ใช่ประกาศใช้ทั้งจังหวัด ประกาศเฉพาะจุดที่สามารถเปิดได้ ขณะเดียวกัน ถ้ามีการประกาศเฉพาะจุด ในส่วนของผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีต่างให้มากขึ้นด้วย ซึ่งต้องกำหนดเป็นกรณีพิเศษ เพราะคุณสามารถเปิดให้บริการได้มากขึ้น ถ้าคุณอยากจะอยู่ในโซนพิเศษ ถ้ารับกันได้จะทำให้สามารถไปกันได้ เราต้องยอมรับว่าอะไรที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคม เราต้องเสียภาษีให้มากขึ้นด้วย”
นายปรีชาวุฒิ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้น คือ เรื่องของการดูแลความปลอดภัย การพัฒนาการบริการ การสร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย การเพิ่มจุดตรวจ ATK ในสถานบันเทิง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว และคนใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ มีการตรวจทุกแห่ง ถ้าทำได้จะลดการแพร่เชื้อไปได้ในระดับหนึ่ง