สุราษฎร์ธานี - ฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีติดต่อกันมา 2 วัน ส่งผลให้น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ไหลบ่าเข้าท่วม 3 อำเภอ ได้รับความเสียหายหนัก รถยนต์ถูกกระแสน้ำป่าพัดตกถนน แต่โชคดีคนขับปลอดภัย
จากสถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.วิภาวดี ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่อำเภอท่าฉาง อำเภอวิภาวิดี และอำเภอไชยา ถนนหลายสายเสียหาย บางเส้นถูกกระแสน้ำกัดเซาะขาด
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานจาก ปภ.จังหวัดว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (6 พ.ค.) ได้เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.วิภาวดี อ.ไชยา และ อ.ท่าฉาง รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน อ.วิภาวดี ต.ตะกุกเหนือ หมู่ที่ 7, 8, 11, 13, 15 อ.ไชยา ต.ปากหมาก หมู่ที่ 7 อ.ท่าฉาง ต.ปากฉลุย หมู่ที่ 4, 5 มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 78 ครัวเรือน 280 ราย ไม่มีผู้บาดเจ็บ ไม่มีผู้เสียชีวิต ปริมาณน้ำฝนมากสุดที่บ้านเทพนิมิตร หมู่ 11 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี วัดได้ 125 มิลลิเมตร
โดยเหตุแรกเกิดที่บ้านเทพนิมิต หมู่ 11 ต.ตะกุกเหนือ กระแสน้ำป่าไหลแรงกัดเซาะถนนขาด ทำให้รถกระบะที่มีนายสำราญ สำเนากาญจน์ เป็นคนขับพลัดตกลงในคลองหน้าบ้านนายวิโรจน์ เสาวพงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 โดยนายสำราญ ไม่ได้รับบาดเจ็บ และที่บ้านเคี่ยมเพาะ ในซอย 3 หมู่ที่ 5 ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง น้ำป่าไหลเชี่ยวผ่านสะพานบล็อกท่อเหลี่ยม ทำให้รถกระบะถูกกระแสน้ำพัดตกถนนอีก 2 คัน ไม่มีผู้บาดเจ็บ
ส่วนที่สะพานใกล้โรงเรียน ตชด.บ้านคลองวาย หมู่ที่ 7 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี น้ำป่าได้พัดกอไผ่และต้นไม้ล้มมากองปิดถนนบนสะพาน นายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอวิภาวดี ได้ระดมกำลัง อส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านช่วยกันเคลียร์เปิดเส้นทางได้แล้ว
ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 3 พื้นที่ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ปภ.สาขาท่าชนะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. อส. กู้ภัยมูลนิธิร่วมใจสยามปู่อินทร์ (บ้านยางโพรง) กู้ชีพกู้ภัย อบต.ปากหมาก เข้าช่วยเหลือเบื้องต้นร่วมกันช่วยยกของขึ้นที่สูง เนื่องจากฝนยังมีแนวโน้มตกลงมาอีก
ขณะนี้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ให้อำเภอ อบต.แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองด้านล่าง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง