สุราษฎร์ธานี - “บิ๊กโจ๊ก” สั่งลุยรวบ 18 ผู้ต้องหาคดีซื้อบริการทางเพศเด็ก พร้อมสั่งดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐและครูพี่เลี้ยงภายในบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี พยายามแทรกแซงการดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อเวลา 06.00 น.วันนี้ (4 พ.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รองผู้บังคับการตำรวจสุราษฎร์ธานี ได้ปล่อยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้น 18 จุดในพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ท่าฉาง อ.พุนพิน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และ อ.ดอนสัก เพื่อทำการจับกุม 18 ผู้ต้องหาตามจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในคดีซื้อบริการทางเพศเด็กและเป็นธุระจัดหา
ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางมาติดตามคดีที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และแถลงผลการขยายผลจับกุมผู้ซื้อบริการเพิ่มอีก 12 ราย อายัดเรือนจำ 2 ราย และยังคิดตามจับกุมเพิ่มอีก 4 ราย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินการติดตามขยายผลเครือข่ายค้ามนุษย์ซึ่งนำเด็กมาแสวงหาประโยชน์ทางเพศ จำนวน 5 ราย และดำเนินคดีต่อผู้ใช้บริการอีก 11 ราย รวมทั้งสิ้น 16 ราย ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว แต่อาจยังมีผู้เสียหายที่ถูกบังคับค้าประเวณีเพิ่มเติมอีกนั้น
ในส่วนของผู้ต้องหาจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ในการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี แม้ผู้นั้นจะไม่ยินยอมก็ตาม โดยทุจริตร่วมกันรับไว้ เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีแม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ร่วมกันพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ร่วมกันเป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม” โดยมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตั้งแต่ 8 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท และผู้ใช้บริการทางเพศจะถูกดำเนินคดีฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พรากหรือร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร พาหรือร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ร่วมกันชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กกระทำผิดและกระทำชำเราเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่นแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีในสถานการค้าประเวณี” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังเปิดอีกว่า จากการสืบสวนพบว่า ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐและครูพี่เลี้ยงภายในบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้พยายามแทรกแซงการดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งยังพยายามข่มขู่พยานเพื่อไม่ให้มีการให้ข้อมูลในการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามแทรกแซงกระบวนการดังกล่าวในฐานความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
สำหรับคดีดังกล่าวยังคงมีผู้เสียหายที่ถูกบังคับค้าประเวณีเพิ่มอีก ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการขยายผลดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดทั้งตัวเครือข่ายบังคับค้าประเวณี และตัวผู้ใช้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเหยื่อเพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดปัญหาการนำเด็กและเยาวชนมาบังคับค้าประเวณีให้หมดไปจากสังคม
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA:@HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป