พังงา - ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา โวยถนนเข้าน้ำพุร้อนปลายพู่ ชำรุดเสียหายนานหลายปี ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากเข้ามาเที่ยวอีก วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องซ่อมแซมด่วน
ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ถนนลาดยาง สายบ้านปากพู่-บ่อน้ำพุร้อนปลายพู่ อ.กะปง จ.พังงา ชำรุดเสียหายมานานหลายปี ยังไม่ได้รับการแก้ไข จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าเป็นถนนลาดยางเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของจังหวัดพังงา น้ำพุร้อนปลายพู่ หมู่ที่ 4 ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา มีสภาพชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อในช่วงเกือบ 2 กิโลเมตร ก่อนถึงบ่อน้ำพุร้อนปลายพู่ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
นายประสิทธิ์ ไชยภักดี อายุ 49 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต ท่านา อ.กะปง บอกว่า ทางเข้ามาบ่อน้ำพุร้อนชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อเยอะมากในระยะทางเพียงกิโลเมตรกว่าๆ คนมาเที่ยวสอบถามประจำว่าทำไมไม่ซ่อมแซม ซึ่งที่ผ่านมา มีคนใหญ่ๆ โตๆ มาดูหลายครั้งแต่ยังไม่มีการแก้ไข บางครั้งเอายางมะตอยสำเร็จรูปมาซ่อมแซมชั่วคราวเท่านั้น ผ่านมา 3-4 ปี ยังเป็นอยู่แบบนี้ บางครั้งทำให้รถของนักท่องเที่ยวเกิดความเสียหาย จนบอกว่าจะไม่กลับมาเที่ยวอีกแล้ว จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาแก้ไขซ่อมแซมทำถนนให้ใหม่ คนจะได้เข้ามาเที่ยวเยอะๆ ชาวบ้านจะได้ขายของมีรายได้ นักท่องเที่ยวก็ปลอดภัย
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ และพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของที่บ่อน้ำพุร้อน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นักท่องเที่ยวที่มาทุกคนต่างพูดกันว่าทำไมถนนทางเข้ามาถึงมีสภาพชำรุดเสียหายแบบนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบทำไมไม่มาดูแลซ่อมแซม จนบางคนบอกว่าจะไม่กลับมาเที่ยวอีกแล้วถ้าถนนยังเป็นแบบนี้
ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยังแขวงทางหลวงชนบทพังงา ทำให้ทราบว่า ถนนเส้นนี้ในอดีตเป็นของทางหลวงชนบท แต่ได้ถ่ายโอนไปให้ อบต.ท่านา มานานหลายปีแล้ว ล่าสุด ทราบว่าทาง อบต.ท่านา กำลังรองบประมาณอุดหนุนจากส่วนกลางทำถนนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้มาในเร็วๆ นี้
บ่อน้ำพุร้อนปลายพู่ เป็นบ่อน้ำพุร้อนอยู่ริมลำคลองปลายพู่ น้ำร้อนจะไหลออกมารวมกับน้ำเย็นในลำคลอง ทำให้น้ำเย็นอยู่ฝั่งซ้าย น้ำร้อนอยู่ฝั่งขวา ก่อนจะรวมกันจนอุ่นกำลังดี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชื่นชอบในความมหัศจรรย์ ซึ่งทางชาวบ้านเชื่อว่าน้ำพุร้อนที่นี่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคเหน็บชา ไขข้ออักเสบ และโรคอัมพฤกษ์ ทำให้มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนมาเข้ามาแช่น้ำร้อนตั้งแต่เช้าตรู่และตลอดทั้งวัน มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 75 องศาเซลเซียส จึงทำให้นักท่องเที่ยวนำไข่ไก่มาแช่ในบ่อน้ำพุร้อน โดยใช้เวลาแช่ประมาณ 20-30 นาที ก็สามารถทำให้ไข่ไก่สุกเป็นยางมะตูม หรือไข่ออนเซ็น สามารถรับประทานได้ทันทีและมีรสชาติที่หวานมันอร่อย