นครศรีธรรมราช - เสาไฟฟ้าพลังงานโซลาร์เซลล์โครงการเกือบ 200 ล้านบาท เสื่อมสภาพมากกว่าครึ่ง ท้องถิ่นไม่รับโอนจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะที่สำนวนสอบโครงการส่อฮั้วจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ล่าสุดถูกส่งถึง ป.ป.ช.นครศรีธรรมราชแล้ว
สภาพเสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการของ จ.นครศรีธรรมราช งบอุดหนุนจากรัฐบาลปี 2560 มูลค่าต้นละกว่า 6.5 หมื่นบาท ถูกติดตั้งเมื่อปลายปี 2560 จำนวนกว่า 2 พันต้น ที่ถูกติดตั้งกระจายบนถนน 22 สายทาง วงเงินรวมกว่า 194 ล้านบาท อยู่ในสภาพเดียวกันคือ มากกว่าครึ่งกำลังเสื่อมสภาพ ไม่สามารถใช้การได้ หลังใช้งานไปได้เพียง 2 ปีเศษเท่านั้น เช่น ที่ถนนสิรินคร เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ถนนท่าซัก-ปากพูน เขต อบต.ท่าซัก-เทศบาลเมืองปากพูน และสายเลียบทางรถไฟมะม่วงสองต้น โดยส่วนใหญ่ทุกเส้นทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิเสธที่จะรับการถ่ายโอน เนื่องจากพบว่าต้องใช้งบประมาณในการบำรุงรักษาสูงมาก
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ได้ถูกตรวจสอบจากภาคประชาสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการสอบสวนในทางลับจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาระยะหนึ่งจนพบร่องรอยว่าอาจเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติการเสนอราคา หรือที่เรียกว่าการฮั้ว โดยมีผู้เกี่ยวข้องเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางรายที่ปัจจุบันได้ย้ายออกไปจากพื้นที่แล้ว และกลุ่มข้าราชการในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงภาคเอกชนบางราย ในขณะที่ดำเนินโครงการรวมกันมากกว่า 20 ราย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ยุติการสอบสวน และส่งสำนวนต่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อดำเนินการต่อตามอำนาจหน้าที่
ความคืบหน้าล่าสุดนั้น มีรายงานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 8 ว่า ขณะนี้สำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ถูกส่งมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา และได้มีกระบวนการส่งต่อไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจัดตั้งทีมสอบสวนดำเนินการแล้ว สำหรับประเด็นสำคัญที่มีการตรวจสอบ และดำเนินการสอบสวน คือ กระบวนการกำหนดสเปกของเสาให้มีลักษณะพิเศษจากท้องตลาดทั่วไปที่มีความสูง 6 เมตร แต่กลับกำหนดให้มีความสูง 9 เมตร และไม่มีราคากลางที่กำหนดไว้ในกรมบัญชีกลาง โดยโครงการนี้มีวงเงิน 194 ล้านบาท ติดตั้งใน 22 สายทาง จำนวน 2,998 ชุด ราคาตกต้นละ 65,000 บาท ขณะที่เช็กสเปก รุ่น ยี่ห้อ และอุปกรณ์ทั้งหมด ท้องตลาดมีราคาเพียงชุดละ 25,200 บาท ราคาแพงขึ้นไปอีกประมาณ 1 เท่าตัว
