ศูนย์ข่าวภูเก็ต - วัดดังภูเก็ตประกาศเตือนผู้ใจบุญชอบทำบุญด้วยการปล่อยปลา ไม่ให้นำปลาไปปล่อยลงขุมน้ำข้างวัด มีปลาชะโดตัวใหญ่ยักษ์จำนวนมากรองาบปลาตัวเล็กๆ ปล่อยไปก็ไม่รอด ทำบุญได้บาปแทน
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ วัดฉลอง จ.ภูเก็ต chalong Temple Phuket Thailand ได้โพสต์คลิปผู้ใจบุญกำลังปล่อยปลาบริเวณท่าน้ำแห่งหนึ่ง พร้อมข้อความระบุว่า “ประกาศ ขณะนี้ขุมน้ำหลังวัดฉลอง เป็นแหล่งน้ำที่มีปลาชะโดและปลาใหญ่ชุกชุม ไม่สามารถนำสัตว์ขนาดเล็กไปปล่อยได้ เช่น กบ ปลาไหล ลูกปลาต่างๆ หากปล่อยก็จะโดนกัดตายจนหมด จะเป็นบาปแก่ตัวท่านเอง หากมีความประสงค์จะปล่อยสัตว์ตามความเชื่อของท่านนั้นให้หาแหล่งน้ำอื่น ทางวัดไม่สนับสนุนการทำบุญโดยการปล่อยสัตว์ทุกกรณี จึงแจ้งมาเพื่อทราบ” ซึ่งมีผู้เข้าไปแชร์และแสดงความคิดเห็นต่างๆ เป็นจำนวนมาก
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณท่าน้ำดังกล่าวเป็นท่าน้ำบริเวณขุมน้ำของเอกชน ซึ่งเป็นรอยต่อกับเขตพื้นที่ของวัดฉลอง หรือวัดไชยธาราราม ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีผู้ใจบุญนำปลาชนิดต่างๆ ไปปล่อยในขุมน้ำดังกล่าวมากกว่าปกติ และบางส่วนนำอาหารไปโปรยให้ปลาในบริเวณนั้นด้วย และยังเห็นร่องรอยของอาหารปลาที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำและตกหล่นอยู่บริเวณท่าน้ำจำนวนมาก รวมทั้งพบว่ามีนกพิราบมาคอยจิกกินอาหารที่ตกหล่นอยู่บนพื้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน
นายชัยวัฒน์ ชัชเวช ไวยาวัจกรวัดฉลอง กล่าวถึงกรณีประกาศของผู้ใช้เฟซบุ๊กวัดฉลอง ว่า ในส่วนของทางวัดไม่เคยมีการจัดทำเฟซบุ๊ก คาดว่าน่าจะเป็นชาวบ้านหรือใครคนใดทำขึ้นมา และทางวัดไม่ได้มีการประกาศแจ้งเตือนดังกล่าว ซึ่งขุมน้ำดังกล่าวไม่ใช่ของวัด แต่เป็นของหมู่บ้านเอกชนรายหนึ่ง ส่วนสัตว์ที่มีการซื้อมาปล่อย ไม่ว่าจะเป็นนก ปลา หรือเต่า ผู้ใจบุญจะซื้อมาจากชาวบ้านที่วางขายหน้าวัด เพราะในวัดไม่มีขาย ซึ่งท่านเจ้าอาวาสแนะนำว่า การทำบุญเพื่อความสบายใจที่ดีที่สุด ให้ซื้อเป็นเครื่องสังฆทาน ผ้าไตรจีวรหรือพระพุทธรูปก็ได้บุญเช่นกัน หากปล่อยปลาหรือปล่อยนก แล้วไม่สบายใจคิดว่าเป็นบาปก็อย่าทำ ให้ทำในสิ่งที่สบายใจแทน
ในส่วนของการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ขณะนี้ทางเจ้าอาวาสยังไม่ได้สั่งการใดๆ เนื่องจากช่วงนี้เป็นวันหยุดสงกรานต์ และมีผู้คนมาทำบุญที่วัดเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเมื่อไหว้พระเสร็จแล้วก็ต้องการปล่อยและให้อาหารปลา เมื่อมีคนไปปล่อยปลาหรือให้อาหารปลาจำนวนมาก ทำให้อาหารบางส่วนเหลือ และลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำเน่าเสียขึ้นอีก เรื่องนี้คงต้องรอคำสั่งจากเจ้าอาวาสว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร นายชัยวัฒน์ กล่าว