ตรัง - ผู้ว่าฯ ตรังเผยกำลังแปรงบประมาณปี 65 ขยายเขตไฟฟ้าถนนสายตรัง-พัทลุง บนเขาพับผ้า ฝั่งจังหวัดตรัง หลังถนนมืดมิดมานานหลายสิบปี ผอ.แขวงทางหลวงตรัง ระบุเซ็นสัญญาโครงการเรียบร้อยแล้ว งบ 8.3 ล้าน ระยะทาง 4.3 กม.
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่อาคารอเนกประสงค์เทศบาลนครตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ พร้อมรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 2 เรื่อง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด โครงการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน โดยได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า
ในด้านการพัฒนา ขณะนี้ได้เดินหน้าโครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนส้นทาง ตรัง-พัทลุง ช่วงศาลทวดหลักเขตซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างตรัง-พัทลุง ขาเข้าเมืองตรัง ถือเป็นประตู่สู่เมืองตรังที่เป็นหน้าตา และด้วยเป็นถนนที่มีความลาดชัน เป็นทางโค้ง และมืด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และไม่มีไฟส่องสว่างมาหลายสิบปี โดยกรมทางหลวงได้แจ้งกับตนว่า ติดขัดเรื่องขยายเขตไฟฟ้า ขาดงบประมาณอีกราว 1 ล้านบาท ดังนั้น ตนจึงขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณในปี 2565 นี้ เป็นเงิน 8 ล้านบาท รวมทั้งค่าขยายเขตไฟฟ้า
“ตอนนี้ลงนามในสัญญาแล้ว ซึ่งจะได้เห็นไฟฟ้าภายในสิ้นปีนี้ จะได้เห็นถนนที่สว่างต้อนรับเข้าสู่เมืองตรังอย่างสมบูรณ์แบบ อะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาให้ดูก้าวหน้า ทันสมัย ผมจะทำให้เต็มที่ ถ้ามีโครงการเตรียมไว้ แล้วมีงบประมาณ หรือมีช่องงบประมาณตนจะหาช่องทางให้ หลายหน่วยที่จะคอยซัปพอร์ต เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งท่านได้ช่วยผลักดันโครงการของเราไปยังรัฐมนตรีด้วย” ผู้ว่าฯ ตรังระบุ
ด้านนายพิสิทธิ์ สุขสง ผอ.แขวงทางหลวงตรัง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างทางหลวง ในทางหลวงหมายเลข 4 ตอนควบคุมที่ 1204 ตรัง-เขาพับผ้า (ทวดหลักเขตบริเวณใกล้ทางเข้าน้ำตกกระช่อง) ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง โดยงานไฟฟ้าดังกล่าวเริ่มที่ กม 1128+958-1133+321(ตอน) ระยะทางประมาณ 4.363 กิโลเมตร ลักษณะงานที่ดำเนินการประกอบด้วย 1.เสาไฟส่องสว่างกิ่งคู่ 4 ต้น 2.เสาไฟส่องสว่างกิ่งเดี่ยวแบฝังเต้า 133 ต้น 3.เสาไฟส่องสว่างกิ่งเดี่ยวแบบเกาะ Barier 39 ต้น รวมทั้งสิ้น 176 ต้น ซึ่งได้รับงบประมาณจังหวัดตรัง จำนวน 8.34 ล้านบาท และได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้
“การติดตั้งไฟส่องสว่างจะมีประโยชน์ต่อประชาชนในการสัญจร มีความปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุ เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีความลาดชัน และเป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางไปจังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา อีกทั้งเป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมอีกด้วย” ผอ.แขวงทางหลวงตรังกล่าว
