ชุมพร - พ่อติดยาเสพติด เลิกกับเมีย ทิ้งลูกชายวัย 4 ขวบ ให้กินนอนอยู่กับสุนัข ชาวบ้านสุดทนแจ้งพัฒนาสังคมฯ เข้าช่วยเหลือ พบสภาพสุดเวทนา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (4 เม.ย.) น.ส.วัชรี ศรีเสือ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 บ้านหาดใน ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่า มีหนูน้อยวัยเพียง 4 ขวบ ซึ่งตัวพ่อติดยาเสพติดอย่างหนัก ส่วนภรรยาเลิกกันมานานกว่า 2 ปี มีพฤติกรรมทิ้งลูกอยู่กับบ้านเพียงลำพังและปล่อยให้ลูกกินนอนอยู่กับสุนัขทั้งวันทั้งคืน ขอให้เข้ามาช่วยเหลือเพราะทนเห็นสภาพดังกล่าวไม่ได้ จึงสั่งการให้นายอรรถชัย ภักดีอักษร นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร พร้อมด้วย น.ส.โชติกา ใจห้าว เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร ลงพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.รับร่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตขององค์การบริหารส่วนตำบลรับร่อ ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่รับแจ้ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ปลูกอยู่ริมถนนในหมู่บ้านสายท่าข้าม-บ้านหาดใน หมู่ที่ 2 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร บริเวณหน้าบ้านเจ้าหน้าที่พบเครื่องตัดหญ้าสภาพยังใหม่ ถูกรื้ออะไหล่ชิ้นส่วนออกมาวางพาดอยู่กับเตียงนั่ง ใกล้กันยังพบเครื่องพ่นยาสภาพใหม่ถูกรื้อวางกองกับพื้นปูนหน้าบ้าน นอกจากนี้ พื้นปูนยังเต็มไปด้วยขยะหลากหลายชนิด ทั้งถ้วยบะหมี่สำเร็จรูป ขวดน้ำ ถุงขนม กล่องนม วางกระจัดกระจายโดยมีหมอนไต่ยั้วเยี้ยไปทั่ว
ภายในบ้านเมื่อเดินเข้าไปจะเป็นห้องโถง เจ้าหน้าที่พบตู้เสื้อผ้า 1 ตู้ และชั้นวางทีวี 1 ตัว แบบน็อกดาวน์ ส่วนพื้นห้องเต็มไปด้วยเสื้อ ผ้าห่ม และโทรทัศน์วางอยู่กับพื้นห้อง 1 เครื่อง ลักษณะเหมือนถูกรื้อค้นทำลายข้าวของจนพังเสียหาย และเมื่อเดินเข้าไปซึ่งเป็นลักษณะกั้นเป็นห้องนอน พบภายในมีที่นอน 1 หลัง ตู้เสื้อผ้า 1 ตู้ ส่วนเสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มห้อง ใกล้ห้องนอนซึ่งแยกออกไปด้านนอก ลักษณะเป็นห้องครัว ไม่พบอุปกรณ์เครื่องครัวหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงตู้กับข้าว และซิงค์ล้างจานตั้งอยู่เท่านั้น
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ไม่พบตัว นายกิต (นามสมมติ) อายุ 32 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งทราบจากชาวบ้านว่าเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้อาละวาด ทำลายข้าวของ แล้วขับจักรยานยนต์หายไป ส่วน ด.ช.ต้อม อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายนายกิต เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่หวาดกลัวอย่างมากได้วิ่งหนีเข้าไปในป่าหลังบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปค้นหา จนพบ ด.ช.ต้อม ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า วิ่งแก้ผ้าร้องลั่นอยู่ใต้ถุนบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน จึงได้ไปนำตัวมาสวมใส่เสื้อผ้าให้ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนบ้านที่ดูหนูน้อยด้วยความสงสาร
หลังจากเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบภายในบ้านและสอบถามเพื่อนบ้านในเบื้องต้น พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์จากการลงพื้นที่ รวมถึงสภาพของหนูน้อยวัย 4 ขวบ เจ้าหน้าที่ได้ลงมติร่วมกันที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแยกตัวเด็กออกมาจากพ่อ เพราะสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของเด็กนั้น ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างมาก และที่สำคัญหากปล่อยไว้กลัวว่าพ่อจะทำอันตรายเด็ก เพราะพ่อไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่สามารถดูแลลูกได้ และหลังจากนี้คงต้องนำตัวพ่อและแม่ของเด็กมาพูดคุย เพราะที่จะนำตัวเด็กออกมาอยู่ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร นั้นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งในการนำเด็กออกมานั้นทั้งผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีความเห็นตรงกันว่าจะต้องนำเด็กออกไปก่อน และเชิญผู้ปกครองไปพูดคุยกันภายหลัง
นางวงจันทร์ นวลป้ง อายุ 47 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า พ่อของเด็กชายวัย 4 ขวบ เสพยาเสพติดจนเสียสติ มีอาการคลุ้มคลั่ง บ้างครั้งก็เอาเครื่องตัดหญ้าที่มีอยู่มาติดเครื่องไว้ ตนเองกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับเด็กเพราะเป็นของมีคม ในบางครั้งเอาข้าวของภายในบ้านมาเผาทำลายจนหมด เมื่อไม่ได้เสพยาก็จะคลุ้มคลั่ง มีอาการหงุดหงิดโวยวายเสียงดัง เด็กจะแอบเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าเพราะมีความหวาดกลัว
ส่วนแม่ของเด็กได้เลิกกับนายกิต มาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้เด็กได้อยู่กับย่า แต่ต่อมาย่าได้ล้มป่วยมีอาการทางสมองเนื่องจากเกิดจากความเครียดที่รู้ว่าลูกติดยาเสพติด จนต้องไปรักษาตัว และปัจจุบันไม่สามารถดูแลตัวเองได้ต้องไปอยู่กับลูกสาวคนโต จึงมีความจำเป็นที่ต้องให้หลานมาอยู่กับนายกิต ผู้เป็นพ่อ เพราะบ้านพี่สาวก็มีภาระที่ต้องดูแลทั้งครอบครัวตนเองและแม่
นางวงจันทร์ กล่าวว่า เด็กชายวัย 4 ขวบมีอาการหวาดระแวงหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า บางครั้งก็วิ่งเข้าไปอยู่ตามป่าข้างบ้าน โดยในแต่ละวันเด็กจะไม่ได้กินข้าว จะได้กินเพียงขนมและนมกล่องที่พ่อไปซื้อมาวางไว้เท่านั้น ในบางวันที่พ่อไม่กลับบ้านก็ไม่มีอะไรกิน ตนเองพยายามจะชวนมาที่บ้านเพื่อจะให้กินข้าว กินขนมเด็กก็ไม่มา จะวิ่งหนี ซึ่งบ่อยครั้งที่นายกิต ผู้เป็นพ่อไม่กลับบ้าน เด็กจะออกมานอนหลับอยู่กับสุนัขบริเวณหน้าบ้าน บางครั้งจะลากผ้าห่มออกมาห่ม บางครั้งก็ไม่มีผ้าห่ม มีแค่หมอน 2 ใบ เนื้อตัวจะมีร่องรอยยุงกัดเต็มไปทั้งตัว และที่สำคัญปัจจุบันเด็กไม่สามารถพูดได้ โดยก่อนหน้านี้เด็กสามารถออกเสียงเรียกพ่อ แม่ได้ แต่เมื่อเด็กมาอยู่กับพ่อ พัฒนาการต่างๆ ไม่ได้มีการพัฒนา ไม่มีใครคุยด้วย เด็กอาจมีความเครียด จึงทำให้เด็กไม่พูด ไม่ออกเสียง ในบางครั้งเด็กออกมานอนร้องอยู่หน้าบ้าน ตนเองมีความสงสาร อยากช่วยให้เด็กมีสภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ หากปล่อยทิ้งไว้กับพ่อกลัวว่าเด็กจะมีอันตราย
ขณะที่ น.ส.ปัทมา นวลป้ง อายุ 28 ปี เพื่อนบ้านอีกคนเล่าว่า ตนเองสงสารเด็กอยากให้เด็กมีสภาพชีวิตที่ดี ตนเองกลัวว่าหากทิ้งไว้กับพ่อที่ติดยาเสพติด จะเกิดอันตรายเหมือนที่เคยเห็นในข่าวที่พ่อทำร้ายลูกจนตาย ในบางครั้งชาวบ้านที่เคยมาเห็นก็มาเล่าให้ตนเองฟังว่า เด็กชายวัย 4 ขวบ เคยถูกผู้เป็นพ่อทำร้ายร่างกาย ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามารับตัวไปนั้น สภาพชีวิตและจิตใจของเด็กคงดีกว่านี้อย่างแน่นอน