xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาปัตตานีกัดฟันสู้เจอปัญหาเดิมซ้ำซาก โดยเฉพาะเรื่องน้ำไร้หน่วยงานแก้ไขจริงจัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปัตตานี - ชาวบ้านปัตตานีที่ทำนาดั้งเดิมเดือดร้อนจากปัญหาการจัดการน้ำ พบบ่อยสุดคือการทําคันดินตามแนวคลองชลประทาน ทําให้ไม่สามารถระบายน้ำเข้าท้องนาได้ และน้ำท่วมขังซ้ำซาก โดยยังไม่มีหน่วยงานใดช่วยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

วันนี้ (4 เม.ย.) ช่วงนี้ยังเป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวในนาข้าวเพื่อเอาไว้ใช้ในช่วงเดือนรอมฎอน ที่มีชาวบ้าน เกษตรกรยังคงปลูกข้าวอยู่กระจัดกระจายกันไปทั่วหลายอำเภอใน จ.ปัตตานี ตั้งแต่อําเภอโคกโพธิ์ มายอ ยะหริ่ง หนองจิก สายบุรี ปะนาเระ และบางส่วนของอําเภอเมือง รวมแล้วหลายร้อยไร่ ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยยังคงรักษาอาชีพดั้งเดิมตลอดมา มีทั้งนาปี และนาปรัง รวมแล้วหลายพันไร่

แต่บางคนต้องหยุดทำนาและหันไปทำด้านเกษตรกร การทําสวนยางพาราและสวนผลไม้มากขึ้น เพราะชาวบ้านมีความคิดว่าการทํานานั้นกว่าจะได้เงินสดต้องใช้เวลาหลายเดือน อีกทั้งบางคนเจอกับปัญหาการจัดการน้ำ เมื่อฝนตกเยอะเกิดปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซาก ซึ่งสาเหตุเกิดจากการสร้างถนนที่ยกพื้นสูง และปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือ การทําคันดินตามแนวคลองชลประทาน ทําให้พื้นที่นาไม่สามารถระบายน้ำเข้าท้องนาได้อีกต่อไป เพราะในฤดูทํานาจะเกิดน้ำท่วมขังมากเกินไป ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทำให้นาหลายร้อยไร่ในจังหวัดปัตตานีต้องกลายเป็นนาร้าง

ส่วนชาวบ้านที่ยังยึดอาชีพทำนาต้องทนกัดฟันสู้ทำนาต่อไป เพราะยังคงต้องการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวดั้งเดิมอยู่ แต่ปัจจุบันคนทำนาลดลง และข้าวบางชนิดสูญหายไปแล้ว พันธุ์ข้าวที่ชาวบ้านปลูกส่วนใหญ่เป็นข้าวท้องถิ่น ได้แก่ เล็บนก กระเฮาะ ปาดีกุนิง นาตูเวาะห์ฮีแต เวาะปูเตะ ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวเก่าแก่ดั้งเดิมของพื้นที่ และมีพันธุ์อื่นใหม่ๆ ปะปน เช่น หอมกระดังงา มือลอ (มะลิ) ซึ่งชาวนาที่ยังคงทำอยู่นั้นส่วนใหญ่ทำไว้กินเอง แต่ยังคงรอความหวังให้รัฐยื่นมือเข้ามาช่วยต่อยอดให้ชาวบ้านที่ทำนามีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัว


ล่าสุด ด้านนักวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้ลงพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำการตรวจพื้นที่นาร้างและแก้ปัญหาให้ชาวนา โดยอาจารย์อสมา มังกรชัย จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้มาจากการทำโครงการเกษตรชุมชนเพื่อการเกษตรอินทรีย์เพื่อฟื้นฟูนาร้างและความมั่นคงทางอาหาร หลังเหตุการณ์โควิด-19 มีการช่วยเหลือเกื้อกูลชาวบ้าน 3 อย่าง คือ 1.ช่วยชาวบ้านฟื้นฟูนาร้าง 2.ให้ชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์ โดยอันนี้เรารวมกลุ่มชาวบ้านให้ทุกคนเต็มใจเข้ามาทำ และ 3.สำรวจทรัพยากรความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่ เตรียมหาช่องทางช่วยเหลือให้ชาวนามีรายได้ เพื่อพัฒนาสายพันธุ์พื้นเมืองที่หายากให้ยังมีอยู่และช่วยไม่ให้สูญพันธุ์อีกด้วย

โดยเราหวังให้คนที่เคยทำนากลับมาทำนาอีกครั้งโดยไม่ปล่อยให้นาถูกทิ้งร้าง เราได้มีการจัดส่งเสริมความรู้ให้ชาวบ้าน และจัดกิจกรรมฉลองข้าวใหม่ จัดนิทรรศการแสดงเมล็ดพันธุ์ข้าวหายากในพื้นที่ โดยเชิญให้ภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาชม เข้ารับฟังปัญหา เช่น การจัดการน้ำ ปัญหาปล่อยน้ำเสียทิ้งของโรงงานที่เกิดผลกระทบต่อชาวบ้าน และอื่นๆ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือร่วมกันต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น