นครศรีธรรมราช - โจรแสบย่องเบาบุกงัด “หอพระอิศวร” เทวสถานสำคัญคู่เมืองนครศรีฯ รอบที่ 2 แล้ว ยังจับคนร้ายไม่ได้ หวั่นเทวรูปอายุกว่าพันปีถูกใบสั่งจากนักสะสม จี้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย
เหตุการณ์คนร้ายบุกงัดหอพระอิศวร โบราณสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองใน จ.นครศรีธรรมราช มากว่า 1 พันปี ถูกตีนแมวบุกเข้างัดทำลายเป็นรอบที่ 2 แล้ว โดยครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (1 เม.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.ธนาธร พันธุ์ชู พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งจาก นายวัชระ สุวรรณรัตน์ เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 12 ปฏิบัติหน้าที่ดูแลหอพระอิศวร ริมถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า มีคนร้ายก่อเหตุงัดประตูหอพระอิศวร เทวสถานโบราณได้รับความเสียหาย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบบริเวณประตู พบว่า มีท่อนเหล็กงัดกุญแจคาอยู่ ขณะที่ประตูไม้แบบโบราณได้รับความเสียหาย แต่พบว่ายังไม่สามารถเข้าไปภายในตัวหอพระอิศวรได้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนภายในหอเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดเข้าไปนั้นยังไม่พบว่ามีอะไรสูญหาย เทวรูปพระอิศวร ศิวลึงค์ พระพิฆเนศวร ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของผู้ที่มีเชื้อสายพราหมณ์ดั้งเดิมชาวนครศรีธรรมราช และผู้ศรัทธาโดยทั่วไป เทวรูป และศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ในหอพระอิศวร มีอายุนับพันปี ไม่สามารถประเมินค่าได้ยังอยู่ครบ
นายวัชระ สุวรรณรัตน์ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล ระบุว่า คนร้ายเข้าก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกสามารถงัดเข้าไปได้ คนร้ายโจรกรรมตู้เงินบริจาคที่ผู้ศรัทธาหยอดไว้ในตู้ โดยยกไปทั้งตู้ และไม่ทราบว่ามีจำนวนเงินอยู่ภายในเท่าไหร่ ซึ่งได้แจ้งความไปแล้วแต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ครั้งนี้น่าจะเป็นคนร้ายรายเดิมที่ย้อนกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง คาดว่าขณะที่คนร้ายพยายามงัดประตูในช่วงดึก อาจมีคนมาพบเห็นจึงทิ้งอุปกรณ์หลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายกำลังกังวลอย่างมาก ด้วยเกรงว่าเทวรูป และศิวลึงค์ที่มีอายุนับพันปี ไม่สามารถประเมินค่าได้ อาจเป็นที่หมายตาของนักสะสมเทวรูปโบราณ ควรต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ในทางประวัติศาสตร์นั้นพบว่ามีความเชื่อมโยงกับพราหมณ์ ที่เคยเจริญรุ่งเรืองในแถบชายฝั่งคาบสมุทรทะเลใต้ ก่อนที่ศาสนาพุทธจะเจริญรุ่งเรืองในยุคถัดมา และยังเป็นต้นสายของพราหมณ์ราชสำนักในกรุงรัตนโกสินทร์ เทวรูปสำคัญ และศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในอาจถูกคนร้ายโจรกรรมไปได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากที่ได้ทำแผนในที่เกิดเหตุ และบันทึกภาพแล้วได้เดินทางกลับไป
