xs
xsm
sm
md
lg

เทศกิจ-ตร.สงขลาบุกรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกที่สาธารณะ สุดท้ายต้องถอนกำลังเจอหญิงป่วยโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครสงขลา ร่วมกับตำรวจ สภ.เมืองสงขลา บุกเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำที่สาธารณะ และถนนด้านหลังสวน 72 พรรษาในเมืองสงขลา เจอทั้งฝูงหมาจรจัด และผู้บุกรุกซึ่งเป็นผู้หญิงนอนป่วยโควิด-19 สุดท้ายต้องถอนกำลังออกรอเข้าตรวจสอบ และรื้อถอนใหม่

วันนี้ (16 มี.ค.) เจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครสงขลาเกือบ 30 นาย นำโดย นายกิติพงศ์ ชูมณี นักจัดการงานเทศกิจปฏิบัติการ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุด และตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองสงขลา ได้เดินทางไปที่สวน 72 พรรษามหาราชินี ของเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นป่าโกงกางติดปากคลองสำโรง ที่ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา และเป็นที่สาธารณะ เพื่อที่จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และที่พักอาศัยที่ผู้เข้าไปบุกรุก โดยมี นางไพจิตร จันโต เข้าไปอาศัยอยู่กับสามีมานานเกือบ 30 ปี

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปพูดคุยเพื่อให้ย้ายสิ่งของปลูกสร้างที่รุกล้ำที่สาธารณะ และบนผิวจราจรออกภายใน 17 วัน แต่ยังไม่มีการย้ายออก ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีตั้งสิ่งของในที่สาธารณะ และมีความผิดตามมาตรา 19 กรณีตั้งวางสิ่งของบนผิวจราจร ระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท


เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ซึ่งมีทั้งคอกเป็ด คอกไก่ และยังเลี้ยงสุนัขจรจัดอีกเกือบ 20 ตัว โดยมีป้ายเขียนติดไว้ตรงทางเข้าบ้านว่า “หมาจรจัด อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาล “ระวังหมากัด” หมาบริเวณนี้เป็นหมาจรจัด หากใครโดนกัดจะไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น”

แต่ปรากฏว่าขณะเข้าไปเตรียมรื้อถอน พบว่า นางไพจิตร นอนป่วยด้วยโรคโควิด-19 อยู่บนแคร่ และอยู่ระหว่างการกักตัว โดยมีสุนัขจรจัดที่เลี้ยงไว้นั่งเป็นเพื่อนอยู่บนแคร่ และยังปล่อยสุนัขออกมาจากคอกเลี้ยงหลายสิบตัวด้วย

เจ้าหน้าที่จึงไม่กล้าเข้าไปรื้อถอน เพราะเสี่ยงที่จะติดโควิด-19 และถูกสุนัขจรจัดกัด จึงต้องถอนกำลัง และยกเลิกการรื้อถอนไปก่อน โดยในช่วงสัปดาห์หน้าจะเข้าตรวจสอบ และรื้อถอนอีกครั้งหากยังไม่ย้ายออกไป

ขณะที่นางไพจิตร เองพูดตัดพ่อว่า ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเลย เพราะตนไม่มีที่ไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีญาติ และชาวบ้านที่รู้จักกับนางไพจิตร เดินทางมาดูด้วยความเป็นห่วง และขอร้องให้เจ้าหน้าที่เห็นใจ เพราะอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีการปลูกสร้างอะไร และหากจะเข้ารื้อถอนจริงๆ ขอให้ช่วยเหลือหาที่อยู่ใหม่ให้ นางไพจิตรก่อน เพราะยากจน และลำบากจริงๆ มีอาชีพรับจ้างทั่วไปที่ท่าเรือประมง ส่วนสามีรับจ้างทั่วไปเช่นกัน






กำลังโหลดความคิดเห็น