ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คดีรถจักรยานยนต์ของกลาง 36 คัน หายใน สภ.สะท้อน อ.นาทวี จ.สงขลา อดีต ผกก.สภ.สะท้อนโวยผ่านมา 5 เดือน ยังไม่คืบ แม้ผู้การ จ.สงขลา จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วก็ตาม ด้านผู้การสงขลาเผยอยู่ระหว่างสอบสวน ยันไม่ปกป้องคนผิด
วันนี้ (10 มี.ค.) จากกรณีที่ พ.ต.อ.นิพนธ์ คงขวัญ ผกก.สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อดีต ผกก.สภ.สะท้อน อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงปี 2562-2564 ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า รถจักรยานยนต์ของกลางที่คนร้ายใช้ในการขนใบกระท่อมจากฝั่งประเทศมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่ สภ.สะท้อน ได้หายจากโรงเก็บรถของกลาง 36 คัน ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนมีหลักฐานว่า มีตำรวจหลายนาย ทั้งชั้นสัญญาบัตรและประทวนร่วมขบวนการ โดย พ.ต.อ.นิพนธ์ ได้แจ้งความดำเนินคดี พ.ต.ท.วีระนิต ใหม่ศิริ และ พ.ต.ท.สมภพ บุญจันทร์ ตามความผิด ม.157 และ 158 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.นั้น
พ.ต.อ.นิพนธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ทั้งในคดีที่ตนได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อสารวัตรสอบสวนทั้ง 2 นาย ผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจทั้ง 2 นาย ยังไม่มีการแจ้งข้อหาตามที่ตนได้แจ้งความไว้แต่อย่างใด ส่วนในเรื่องรถของกลางที่หายไปทั้งหมด ตนได้ทำหนังสือถึง พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา เพื่อทำการสืบสวนติดตามรถทั้งหมดด้วยตนเอง ซึ่งขณะนี้มีตำรวจหลายนายได้สารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรถของกลาง รวมทั้งได้ทำการสอบสวนเจ้าของรถที่เป็นรถของกลาง ซึ่งยอมรับว่าได้จ่ายเงินเพื่อซื้อรถของกลางกลับไปใช้งาน เพราะเข้าใจว่าคดีสิ้นสุดแล้ว
พ.ต.อ.นิพนธ์ เปิดเผยว่า เรื่องรถของกลางที่หายไปของ สภ.สะท้อน อ.นาทวี จ.สงขลา มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาคนผิดมาลงโทษ ซึ่งมี พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา เป็นประธานคณะกรรมการ และมี พ.ต.อ.พิชัย กิระวานิช รอง ผบก.เป็นประธานการสอบสวน แต่ผ่านไปแล้ว 5 เดือน ยังไม่มีการเรียกเจ้าหน้าที่คนไหนไปสอบสวน ทำให้ตนได้รับความเสียหาย เพราะตนถูกตั้งกรรมการสอบสวนในฐานะที่ในช่วงที่มีการทำผิด ตนเป็น ผกก.สภ.สะท้อน ตนจึงต้องลงพื้นที่ติดตาม สืบสวนสอบสวนด้วยตนเองในการติดตามรถของกลาง และหาคนผิดมาลงโทษ
ด้าน พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้ตั้งประธานกรรมการเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง และได้เรียก พ.ต.อ.นิพนธ์ คงขวัญ ผกก.สภ.ทุ่งตำเสา รวมทั้งนายตำรวจผู้เกี่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง และใครผิดก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการปกป้องคนผิดอย่างเด็ดขาด