ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หน่วยเฉพาะกิจสกัดกั้นผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ศรชล.ภาค 3 สกัดจับต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองได้ 14 คน ขณะซ่อนตัวอยู่ในป่าโกงกาง ใกล้อุทยานหมู่เกาะระนอง ก่อนส่งต่อไปมาเลเซีย เผยจ่ายค่านำพาให้นายหน้าคนละ 48,000 บาท
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (8 มี.ค.) หน่วยเฉพาะกิจสกัดกั้นผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 (ศรชล.นก.สอค.ศรชล.ภาค 3) โดย น.อ.เพชรัตน เทียนจันทร์ ผบ.นก.สอค. ศรชล.ภาค 3 มอบหมายให้ น.อ.ณัฏฐ์ จรัลกุล เสธ.นก.สอค.ศรชล.ภาค 3 จัดกำลังพลบูรณาการร่วมกับ ศปชล.ทม. สสจ.ระนอง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดระนอง เนื่องจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานหมู่เกาะระนอง ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง ว่า พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยคาดว่าเป็นชาวพม่า บริเวณป่าโกงกาง ใกล้อุทยานฯ ทาง นก.สอค.ศรชล.ภาค 3 และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดระนอง ได้ประสานการปฏิบัติและประกอบกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่ได้รับแจ้ง
จากการตรวจสอบพบเป็นชายชาวพม่า จำนวน 14 คน (มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 3 คน) และจากการซักถามของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ทั้งหมดเป็นชาวพม่า (ฮินดู) เดินทางมาจาก จ.ย่างกุ้ง จ.อิระวดี และ จ.เมาะลำไย ประเทศพม่า โดยมีนายหน้าชาวพม่ารวบรวมกลุ่มบุคคลดังกล่าวเดินทางมาพักรอที่ จ.เกาะสอง เมื่อประมาณ 10 วันที่ผ่านมา และได้เดินทางโดยเรือหางยาวของชาวพม่าในเวลากลางคืน มาส่งยังบริเวณป่าโกงกาง ใกล้อุทยานหมู่เกาะระนอง ในคืนวันที่ 6 มี.ค.65 เพื่อพักคอยรอนายหน้าฝั่งประเทศไทยมารับ และนำส่งไปประเทศมาเลเซีย โดยต้องเสียค่านายหน้าประมาณคนละ 6,000 ริงกิต หรือประมาณ 48,000 บาท
หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดระนอง ได้ดำเนินการสอบสวนเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งดำเนินการตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยการตรวจหาเชื้อ ก่อนนำส่งไปยังสถานกักตัว (LQ) กองร้อย ตชด.415 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง จำนวน 14 วัน และเมื่อครบกำหนดกักตัวเจ้าหน้าที่จะนำส่งตรวจคนเข้าเมืองระนอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป