นครศรีธรรมราช - รวบทันควัน 2 โจรขโมยเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์กลางเมืองนครศรีธรรมราช ถูกตัดเป็นท่อนส่งขาย ทั้งคู่ปฏิเสธอ้างแค่มาตัดหญ้าให้วัวและมาพบเข้าโดยบังเอิญ ด้านชุดจับกุมยืนยันพบตัวขณะกำลังกระทำความผิด
วันนี้ (8 มี.ค.) ร.ต.อ.วรัชญ์ สวัสดี ร้อยเวรหัวหน้าสายตรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายตรวจรถจักรยานยนต์ เข้าควบคุมตัวชาย 2 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาโจรกรรมทรัพย์สินของทางราชการ หลังจากทั้งคู่ถูกจับกุมด้วยการกระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะกำลังโจรกรรมเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ บนถนนศิรินคร สายเชื่อมระหว่างถนนพัฒนาการคูขวาง และถนนเทอดพระเกียรติ ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบเสาไฟฟ้าเหล็กชนิดเคลือบกัลวาไนซ์ ความสูง 9 เมตร เป็นเสาไฟฟ้าส่องสว่างโคมไฟโซลาร์เซลล์ ถูกล้มลงมาอยู่ในพงหญ้า ปลายเสาถูกตัด ข้างเสายังพบเลื่อยโครงสำหรับตัดโลหะ กล่องบุหรี่ เคียวเกี่ยวหญ้า ในกล่องบุหรี่ยังพบกระดาษฟอยล์ และยาบ้าจำนวน 4 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่พกบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรแสดงตัวบุคคลใดๆ
เบื้องต้น ทั้งคู่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจรกรรม โดยชายรายแรกให้การว่าได้เข้ามาดูและพบว่ามีเลื่อยโครงสำหรับตัดเหล็กวางอยู่ จึงตั้งใจจะหยิบเลื่อยที่ถูกทิ้งไว้แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่รถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหารายนี้พบเลื่อยตัดเหล็กอยู่ในกระเป๋าหน้ารถ คล้ายกับมีการเตรียมเลื่อยสำรองไว้ใช้งาน ส่วนผู้ต้องหาอีกรายอ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนั้นตนเองเพียงเข้ามาในที่เกิดเหตุเพื่อมาเกี่ยวหญ้าให้วัว แต่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุจึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีคนร้ายก่อเหตุกำลังเลื่อยตัดเสาไฟฟ้า เจ้าหน้าที่สายตรวจเคลื่อนที่เร็วจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ต้องหาทั้งคู่จึงเข้าทำการจับกุมขณะที่กำลังกระทำความผิด โดยการก่อเหตุของคนร้ายในละแวกนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เปลี่ยวและมีคนผ่านไปมาน้อย และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว แม้ผู้ต้องหาปฏิเสธแต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยืนยันชัดว่า ขณะจับกุมผู้ต้องหากำลังกระทำความผิดอย่างชัดเจน
สำหรับเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ดังกล่าวนั้นเป็นโครงการจัดซื้อของจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อราว 3 ปีก่อน มูลค่าต้นละ 6.9 หมื่นบาท มูลค่าโครงการหลายร้อยล้านบาทจำนวนนับพันต้น ถูกใช้งานมาได้ 2 ปีจึงเริ่มเสื่อมสภาพ โคมไฟและระบบแบตเตอรี่ไม่สามารถใช้การได้แล้ว ทำให้ล่อตาล่อใจมิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุลักษณะเช่นนี้หลายจุดในนครศรีธรรมราช
