xs
xsm
sm
md
lg

อดีต ผอ.กยท.เมืองลุงปลูกกล้วยหอมทองคุณภาพดี ส่งขายห้างใหญ่ได้ราคา 2 เท่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง - อดีต ผอ.กยท.เมืองลุงพลิกฟื้นที่ดิน 8 ไร่ครึ่ง ใน ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ปลูกกล้วยหอมทองสายพันธุ์ปักษ์ใต้ เผยตลาดสดใส ห้างยักษ์ใหญ่-ร้านสะดวกซื้อชื่อดังสั่งซื้อหมด แถมได้ราคาดีกว่าปกติ 2 เท่า

นายสมชาย แก้วลาย อายุ 71 ปี อดีตผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จังหวัดพัทลุง หลังเกษียณอายุราชการได้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรเต็มขั้น พลิกฟื้นที่ดิน จำนวน 8 ไร่ครึ่ง ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านทุ่งส้มป่อย ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง มาขอรับทุนสงเคราะห์ปลูกยางพารา ซึ่งขณะนี้ยางพาราอายุได้ 8 เดือนเศษแล้ว แต่ได้มีการสั่งซื้อต้นพันธุ์กล้วยหอมทอง สายพันธุ์ปักษ์ใต้ มาจาก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี มาปลูกแซมยางเต็มพื้นที่ทั้ง 8 ไร่ครึ่ง ตามโครงการปลูกพืชแซมยางของการยางแห่งประเทศไทย รวมจำนวน 2,100 ต้น 

ผ่านไปประมาณ 7 เดือนเศษ ขณะนี้ผลผลิตออกเครือ ออกลูกดกเต็มต้น ทำให้สามารถทยอยตัดขายได้แล้ว โดยเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกล้วยหอมทองและไม้ผลปลอดภัย อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และถือเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทองเจ้าแรกเจ้าใหญ่เจ้าเดียวใน จ.ตรัง

นายสมชาย กล่าวว่า ตนปลูกกล้วยหอมทองแซมยางไว้เต็มพื้นที่สวนยาง ซึ่งจริงๆ แล้วต้องใช้เวลาปลูกประมาณ 10 เดือน จึงจะตัดขายได้ แต่ของตนอายุเพียง 7 เดือนเศษ ขณะนี้ออกเครือพร้อมทยอยตัดขายแล้ว จำนวน 1,800 เครือ แต่ละเครือประมาณ 6-7 หวี ที่เหลืออีกประมาณ 300 ต้น กำลังทยอยออกเครือ โดยได้ราคากิโลกรัมละ 12 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดทั่วไปที่รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 6 บาทเท่านั้น 


ทั้งนี้ เมื่อถึงกำหนดตัดขายก็แจ้งไปยังกลุ่มวิสาหกิจฯ จะมีคนเดินทางมารับถึงสวน ตลาดปลายทางคือห้างแม็คโครในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยกล้วยหอมทองของตนจะปลูกตามรูปแบบที่กำหนด นั่นคือ จะต้องไม่ใช้สารเคมี 100% อนุญาตเพียงปุ๋ยเคมีอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงไม่อนุญาตให้ใช้เด็ดขาด จึงเป็นผลไม้ปลอดภัย นอกจากนั้น จะต้องได้คุณภาพที่กำหนด คือ น้ำหนักหวีละจะต้องไม่ต่ำกว่า 2 กิโลกรัม ไม่มีตำหนิ หรือใน 1 หวีมีตำหนิได้ไม่เกิน 1% หากทำไม่ได้ตามที่กำหนดทางกลุ่มวิสาหกิจฯ จะไม่รับซื้อ และจะตกเกรดทันที

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนเองทำน้ำหนักกล้วยหอมทองได้หวีละ 2 กิโลกรัมเท่านั้น แต่เป้าหมายจะทำให้ได้หวีละ 2.5-3 กิโลกรัม เพื่อจะให้ได้ราคาที่ดีมากขึ้น ตามความต้องการของห้างยักษ์ใหญ่ ขณะเดียวกัน ตนเองยังต้องกำหนดให้ผลผลิตออกทันในช่วงเทศกาลต่างๆ ด้วย เพราะจะได้ราคาสูงกว่าปกติถึง 40% อย่างในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ตนเองขายได้ราคาดีถึงหวีละ 30 บาท จากเดิมหากหนัก 2 กิโลกรัม จะขายได้หวีละ 24 บาทเท่านั้น

ส่วนตัวจึงอยากแนะนำให้เกษตรกรหันมาปลูกกล้วยหอมทองกันมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อให้เพียงพอสำหรับการป้อนตลาด ซึ่งนอกจากในประเทศแล้ว ยังมีต่างประเทศติดต่อเข้ามาซื้อด้วย เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น โดยแจ้งความประสงค์ต้องการกล้วยหอมทองเดือนละ 100 ตัน แต่ทางกลุ่มวิสาหกิจฯ ไม่มีผลผลิตป้อนให้ จึงเสียดายโอกาส ซึ่งหากเกษตรกรคนใดสนใจอยากปลูกสามารถติดต่อสอบถามได้ ตนเองยินดีให้คำแนะนำ และยินดีให้มาเยี่ยมชมที่สวนเพื่อดูเป็นแปลงตัวอย่างอีกด้วย






กำลังโหลดความคิดเห็น