กระบี่ - ถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ที่อ่าวไร่เล คนกระบี่เสียงแตก ส.ส.ค้าน หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม ขณะที่เอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเห็นด้วย ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ยามวิกฤตโควิด เชื่อเงินสะพัดพันล้าน
จากกรณีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ครั้งที่ 2/2565 ที่ห้องพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เลขที่ 9/10 และเชื่อมโยงผ่านระบบ ZOOM โดยในการประชุม กรอ.ได้มีการนำเรื่องการเตรียมการถ่ายทำภาพยนตร์ในจังหวัดกระบี่ เข้าพิจารณาในที่ประชุม เบื้องต้นในที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยให้มีการถ่ายหนังเรื่องดังกล่าวในพื้นที่
ล่าสุด นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะชาวกระบี่ ได้เข้าพบและให้กำลังใจ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ที่ไม่อนุญาตให้บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว พร้อมให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบ ว่า ที่ผ่านมาการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ที่อ่าวมาหยา ทุกคนเห็นแล้วว่า ความเสื่อมโทรมทางด้านทรัพยากรมีมากแค่ไหน ซึ่งการที่ทาง ผวจ.กระบี่ มีจุดยืนชัดว่าไม่อนุญาตให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ถ่ายทำ ตนเห็นด้วย เพราะเชื่อว่าเมื่อการถ่ายทำภาพยนตร์เกิดขึ้นจะต้องมีการปรับแต่งสถานที่ ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปเหมือนกับอ่าวมาหยา จากเรื่องเดอะบีช
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ถ่ายทำภาพยนตร์มักจะอ้างว่าเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และประเทศให้ ซึ่งด้วยศักยภาพของจังหวัดกระบี่ ไม่จำเป็นต้องใช้ภาพยนตร์ในการประชาสัมพันธ์ อ่าวมาหยาเป็นต้นแบบความเสียหายจากกองถ่ายทำภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าจะได้รับการฟื้นฟูแล้วก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม การตัดสินใจของพ่อเมืองกระบี่ มองด้วยเหตุและผล มีประโยชน์จริงต่อคนกระบี่ ตนอยากให้กลุ่มทุน และผู้สนับสนุนที่มีอำนาจ อย่าพยายามบีบให้มีการอนุญาต ตนพร้อมสู้เต็มที่เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และคนกระบี่
ขณะที่นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมย่านอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ และอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่แยกได้เป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรกจังหวัดกระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่อาศัยทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นต้นทุน ในขณะเดียวกัน การดูแลทรัพยากรธรรมชาติเป็นหน้าที่ของทุกคน ส่วนเรื่องเศรษฐกิจต้องมองควบคู่ไปด้วยหากว่ามีภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำ สิ่งที่คนกระบี่จะได้รับคือเม็ดเงินมหาศาล ทราบว่ากองภาพยนตร์ที่จะเข้ามาถ่ายทำมีการขนทีมงานเข้ามาไม่ต่ำกว่า 400 คน และมาพักอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1 เดือน จะทำให้มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนข้อกังวลที่ว่าการถ่ายทำภาพยนตร์จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ซึ่งกองถ่ายภาพยนตร์มีหน่วยงานที่กำกับดูแลอยู่แล้ว เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสม และ ว่าการถ่ายทำภาพยนตร์มีหลายประเทศ อยากให้บริษัทถ่ายหนังระดับโลกเข้าไปถ่ายทำ ซึ่งทางกองภาพยนตร์ได้เลือกจังหวัดกระบี่ ประเทศไทย เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งผลที่จะตามมาในอนาคตเมื่อมีการนำภาพยนตร์ออกไปฉายทั่วโลกคนจะรู้จักจังหวัดกระบี่และประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช หลังจากที่ภาพยนตร์ออกฉายได้มีนักท่องเที่ยวตามรอยมาท่องเที่ยวอ่าวมาหยาจากทั่วโลก
ในช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ จากผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งชั่งน้ำหนักแล้วคุ้มค่ากว่าที่จะไม่ให้มีการทำ ส่วนข้อกังวลต่างๆ เราได้เรียนรู้แล้วจากอ่าวมาหยา เอามาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถกำหนดได้ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการถ่ายทำได้ จึงขอให้พิจารณาทบทวนใหม่ เพราะผู้ประกอบในพื้นที่อยากให้มีการถ่ายหนังเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
ด้านนายสมเกียรติ ขยันการ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอ่าวนาง กล่าวว่า จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ พบว่า ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้มีการถ่ายทำหนังเกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะเชื่อว่าข้อกังวลในเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะไปซ้ำรอยอ่าวมาหยา จะไม่เกิดขึ้นอีก และจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกาพถ่ายภาพยนตร์ดังกล่าว ทางบริษัท อินโดไชน่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ได้รับมอบหมายจากบริษัท Deep Blue Production ในเครือวอร์เนอร์ บราเธอร์ เป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำในประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 16 เมษายน ถึง 9 พฤษภาคม 2565 ซึ่งได้เลือกสถานที่ถ่ายทำในบริเวณหาดพระนาง หาดต้นไทร อ่าวไร่เล จ.กระบี่