กระบี่ - หวั่นซ้ำรอย "อ่าวมาหยา" เวที กรอ.จังหวัดกระบี่ ไม่เห็นด้วยกับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง MEG 2 ที่อ่าวไร่เล แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกระบี่ แจงเหตุผลขัดกับปรัชญาการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และขัดกับข้อห้ามตามประกาศกระทรวงทรัพย์ฯ ขณะที่อดีตโจทก์ฟ้องอ่าวมาหยา ขานรับ ระบุมีเสียมากกว่าได้
จากกรณีที่ทางนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 2 /2565 ที่ห้องพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เลขที่ 9/10 และเชื่อมโยงผ่านระบบ ZOOM โดยในการประชุม กรอ.ครั้งนี้ได้มีการนำเรื่องการเตรียมการถ่ายทำภาพยนตร์ในจังหวัดกระบี่ เข้าพิจารณาในที่ประชุม
ด้วยบริษัท อินโดไชน่า โปรดักส์ชั่น จำกัด ได้รับมอบหมายจากบริษัท Deep Blue Production ในเครือวอร์เนอร์ บราเธอร์ เป็นผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 16 เมษายน ถึง 9 พฤษภาคม 2565 ซึ่งได้เลือกสถานที่ถ่ายทำในบริเวณหาดพระนาง หาดต้นไทร อ่าวไร่เล และมีการสร้างรีสอร์ตจำลองในพื้นที่โล่งบนฝั่งกระบี่ ใกล้โรงแรมเชลซี โดยจะมีการถ่ายทำฉากสำคัญต่างๆ เช่น ฉากถ่ายทำในทะเล ฉากเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หาดต้นไทร มีการสร้างรีสอร์ตชั่วคราวบริเวณชายหาด และฉากอื่นๆ
ประเด็นที่มีการกล่าวถึงกันมาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกขับเจ็ตสกีเข้ามาช่วยเหลือคนที่หน้าหาดไร่เล ซึ่งขัดแย้งกับปรัชญาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ที่ห้ามมีกิจกรรมเจ็ตสกี เรือสกูตเตอร์ เรือลากกล้วย ลากร่ม ร่มชายหาด และ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท้อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ.2559 ซึ่งบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี และเพิ่งขยายระยะเวลาบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ไปอีก 2 ปี ลงนามโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยประกาศนี้ ห้ามกระทำการหรือกิจกรรมใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายในบริเวณ ซึ่งห้ามเรือสกูตเตอร์ เจ็ตสกี ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา มีการประชุมในเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว และมีการพูดถึงเจ็ตสกี ของอุทยานแห่งชาติฯ 2 ลำ และของเจ้าท่า 1 ลำ ที่ได้รับมาก็ไม่กล้าที่จะนำมาใช้ในพื้นที่ ซึ่งจะกลายเป็นว่าจังหวัดกระบี่ขับเจ็ตสกีได้
นอกจากนี้ ในเรื่องการก่อสร้างสะพานหน้าหาด การปิดหาดเพื่อถ่ายทำ ในช่วงระหว่าง 16 เม.ย.-9 พ.ค.65 เป็นระยะเวลาเกือบเดือน ซึ่งจะกระทบต่อผู้ประกอบการ บริษัททัวร์ และนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวไร่เล และมีความประสงค์เดินเที่ยว เล่นน้ำหน้าหาด การสร้างรีสอร์ตชั่วคราวหน้าหาด ตลอดจนฉากที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หาดต้นไทร เป็นต้น
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวในที่ประชุมว่า จำได้ไหมคนกระบี่ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนกระบี่ วันที่ได้ไปเปิดอ่าวมาหยา ไม่ได้ภูมิใจที่ไปเปิด หลังจากที่ต้องปิดมา 3 ปี การสูญเสียทรัพยากร สูญเสียมูลค่าการท่องเที่ยวในระยะเวลา 3 ปี คงคำนวณออกว่าสูญเสียไปเท่าใด หากไม่มีวันนั้น (อนุญาตให้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เดอะบีช) มูลค่าทางการท่องเที่ยวของกระบี่จะเท่าใด บัจจุบันเราจะให้เจออย่างนั้นอีกหรือ สมมติว่าอนุญาตให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีคำถามตามมาว่า ทำไมกองนี้ถ่ายได้ กองนั้นถ่ายไม่ได้ รู้มั้ย ฉากหนึ่งกี่ซีน ที่ทราบมาคร่าวๆ กองถ่ายใช้คน 400 คน
"ใช่ผมอยากได้เม็ดเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจของกระบี่ แต่ถ้าสูญเสียเหมือนกรณีถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ใครรับผิดชอบ ผู้ว่าฯ บาป มันอยู่ที่การตัดสินใจของพวกเรา สุดท้ายคนที่โดนด่าคือผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผมรับผิดชอบเอง ขอให้ตัดสินใจกันมา"
สรุปคือทำเรื่องไปถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปย้ำประกาศกระทรวงทรัพย์ ของคนที่เซ็นประกาศมาว่า ท่านยังคงศักดิ์สิทธิ์ในการเซ็นหรือไม่ หรือเป็นการอนุญาตเป็นการเฉพาะกรณี
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้กล่าวต่อไปว่า อยากเอามติที่ประชุม กรอ.ยืนยันให้รับทราบว่า คนกระบี่คิดอย่างไร หากทุกคนเห็นด้วย ผมก็เห็นด้วย หรือจะเป็นข้อแม้ก็ได้ ถ้ากังวลเรื่องเม็ดเงิน ขออย่างเดียว อย่าเอาอะไรไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติตามประกาศที่มีอยู่ กองถ่ายปฏิบัติได้มั้ย ที่นี่เป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้กฎหมายไทยเหมือนกัน อะไรจะเกิด อีก 3 ปี ผมก็ไปแล้ว แต่เป็นตราบาปผมไปชั่วชีวิต
หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ได้ขอมติ ซึ่งที่ประชุมไม่อยากให้มาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเพียง 1 รายที่เห็นด้วย และมีผู้เข้าประชุมอีกส่วนหนึ่งที่ไม่แสดงความคิดเห็นด้วยการยกมือว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย
ด้านนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะชาวกระบี่ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ที่ไม่อนุญาตให้บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ MEG 2 ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว เพราะมีเสียมากกว่าได้ และที่ผ่านมา การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ที่อ่าวมาหยา ทุกคนก็เห็นแล้วว่า ความเสื่อมโทรมทางด้านทรัพยากรมากแค่ไหน ประเมินความเสียหายไม่ได้ ซึ่งสาเหตุที่ตนรู้ดี เพราะว่าตนเป็นคนหนึ่งในขณะที่เป็นนิติกร อบจ.กระบี่ ได้เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง รมต. อธิบดี รวมถึงบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องในสมัยนั้น เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 100 ล้านบาท แต่จนถึงตอนนี้ เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์มักจะอ้างว่าเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และประเทศให้ ซึ่งด้วยศักยภาพของจังหวัดกระบี่ ไม่จำเป็นต้องใช้ภาพยนตร์ในการประชาสัมพันธ์ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย อ่าวมาหยาเป็นต้นแบบความเสียหายจากกองถ่ายทำภาพยนตร์ หากว่าใครอนุญาตให้มีการถ่ายทำเกิดขึ้น เตรียมตัวถูกฟ้อง