สตูล - เฉลยแล้วคลิปเด็กนักเรียนแบกกระเป๋าไม่ไหว สรุปข้างในไม่ใช่หนังสือเรียน แต่เป็นนมโรงเรียน 1 ลัง ครูประจำชั้นแจงกระเป๋าเรียนไม่หนักอย่างแน่นอน แม่เผยน้องเป็นเด็กแข็งแรง และอยากฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้
หลังมีโพสต์คลิปหนูน้อยหิ้วกระเป๋ากลับจากโรงเรียนด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากกระเป๋านักเรียนที่หนัก และใหญ่กว่าตัวหนูน้อย ทำให้มีการแชร์โพสต์กันออกไป และวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงระบบการศึกษาไทยกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมปล่อยให้นักเรียนแบกหนังสือที่หนักไปโรงเรียนเช่นนี้
จากเรื่องนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของหนูน้อย ซึ่งพบว่าเป็นนักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนบ้านปากละงู ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล ทันทีที่เข้าไปถึงบ้านก็พบกับ “น้องอัยนาย์” อายุ 6 ขวบ อยู่กับครอบครัวทั้งพ่อ แม่ และน้องๆ ซึ่งน้องอัยนาย์ เป็นพี่คนโต และได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นคนเอานมยัดใส่กระเป๋านักเรียนเองจริง เพราะอยากจะรีบกลับบ้าน จากนั้นน้องอัยนาย์ ได้สาธิตการนำลังนมที่มีน้ำหนัก 7.2 กิโลกรัม ยัดใส่กระเป๋า และแบกให้พี่ๆ สื่อมวลชนได้ดู
คุณแม่ของน้องอัยนาย์ บอกว่า ปกติแม่จะไปรับนมโรงเรียนด้วยตัวเอง และลูกก็เป็นเด็กแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ไปช้า น้องคงจะขัดใจ เลยเอานมที่คุณครูเตรียมจะมอบให้ผู้ปกครองยัดใส่กระเป๋า และมายืนรอคุณแม่ที่หน้าโรงเรียน ซึ่งคลิปที่ปรากฏในสื่อไม่อยากให้ทุกคนคิดมาก และไม่ติดใจเอาความ เพราะตนอยากจะฝึกให้ลูกเป็นคนเข้มแข็ง แข็งแรง และช่วยเหลือตัวเองได้ ยอมรับว่าลูกสาวเราคงจะรีบเกินไป
ขณะที่ น.ส.มุขเทียรา หมินหมัน คุณครูประจำชั้น ป.1 และเป็นครูของน้องอัยนาย์ บอกว่า เรื่องราวความเป็นจริงคือนักเรียนจะพาหนังสือแค่คนละ 1-2 เล่มเท่านั้น โดยจะเรียนเพียงแค่ครึ่งวัน ส่วนคลิปที่โพสต์ในโซเชียลนั้น ความเป็นจริงคือหลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว คุณครูจะมีการเช็กชื่อเพื่อที่จะแจกนมโรงเรียนให้ผู้ปกครองที่มารับ โดยระหว่างที่มีการเช็กชื่ออยู่นั้น พบว่า ด.ญ.อัยนาย์ ได้หายไปจากห้อง
จากนั้นจึงได้โทร.หาผู้ปกครองว่ามารับน้องหรือยัง เพราะคุณแม่ยังมาไม่ถึง และได้พบอีกว่าน้องได้นำนมที่ทางคุณครูเตรียมไว้เพื่อรอผู้ปกครองยัดใส่กระเป๋าแล้วไปยืนรอผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณครูยังไม่ให้นักเรียนกลับที่ผู้ปกครองยังไม่มารับ โดยน้องเอานมใส่กระเป๋านักเรียน แล้วแบกกลับไปด้วยตัวเอง หลังจากที่คุณครูทราบว่ามีการลงในสื่อโซเชียลเมื่อวานนี้ โดยสื่อไปเร็วมาก จึงอยากที่จะอธิบายว่าความเป็นจริงคืออะไร ขออย่าเพิ่งตัดสินกับสิ่งที่เห็น