xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยะลาสั่งจำคุก “อัยย์ เพชรทอง” 5 ปี 4 เดือนไม่รอลงอาญา หมิ่นประมาทใส่ความ "วันนอร์" เป็นหัวหน้าก่อการร้าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยะลา - นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พอใจผลพิพากษาของศาลยะลา หลังตัดสินจำคุก นายอัยย์ เพชรทอง 5 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา กรณีใส่ความเป็นหัวหน้าก่อการร้าย ความผิดพฤติการณ์ร้ายแรง ยุยงให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา ฝากถึงประชาชนให้เคารพทุกศาสนาอย่างเท่าเทียม

วันนี้ (25 ม.ค.) ศาลจังหวัดยะลาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กรณีเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอัยย์ เพชรทอง ข้อหาหมิ่นประมาท โดยศาลได้มีคำพิพากษา จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวม 4 กรรม ลงโทษกระทงละ 2 ปี รวม 8 ปี จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ เดลินิวน์ จำนวน 3 วันติดต่อกัน เหตุที่ศาลไม่รอลงอาญา เนื่องด้วยพฤติการณ์ของจำเลยร้ายแรง สร้างความแตกแยกในสังคมระหว่างศาสนาอิสลามกับศาสนาพุทธ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่ห้องประชุมบ้านศรียะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ในกรณีดังกล่าว โดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า วันนี้ศาลชั้นต้นจังหวัดยะลาได้พิพากษาว่า นายอัยย์ เพชรทอง ทำความผิดตามที่ตนฟ้อง 4 กระทง 8 ปี แต่เนื่องจากคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 5 ปี ตนเองต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม

ซึ่งคำพิพากษาของศาลเห็นได้ชัดว่า การกระทำของ นายอัยย์ เพชรทอง ตลอดเวลานั้นเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้าย วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าต้องการแสดงความเห็นโดยสุจริตต้องทำโดยวิธีอื่น ไม่ใช่การลงเฟซบุ๊กหรือกล่าวร้ายว่าตนเองเป็นหัวหน้าโจรก่อการร้าย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับตนเอง ซึ่งมีตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง เช่น ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ย่อมทำให้ตัวของตนเองและพรรคประชาชาติ รวมทั้งกรรมการพรรคเกิดความเสียหายและมวลสมาชิกมี 20,000 กว่าคนเสียหายด้วย


ตนมีความรู้สึกว่าสบายใจ ดีใจที่ศาลได้ให้ความเป็นธรรมเพื่อไม่ให้ตนและผู้เกี่ยวข้องเกิดความเสียหาย ซึ่งตนเองอยากจะพูดต่อไปว่า นายอัยย์ เพชรทอง ไม่ได้กล่าวหาตนคนเดียว กล่าวหาคนทั่วไปจนกระทั่งคนที่เคารพนับถือเช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งท่านจากโลกนี้ไปแล้ว แต่นายอัยย์ เพชรทอง ยังกล่าวหาไม่หยุดหย่อน รวมทั้งคนอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งศาลว่าการกระทำจำเลยในคดีนี้ไม่ได้กระทำโดยไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ในหน้าที่การงาน และสิ่งสำคัญศาลว่าการกระทำของจำเลยสร้างความแตกแยกให้ศาสนาอีกด้วย

นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังกล่าวอีกว่า อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนทั่วไปถึงเรื่องของศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม สอนให้คนเป็นคนดี ให้รักสมัครสมานกัน ส่วนคนที่ทำไม่ดีก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่ใช่เรื่องของศาสนา แล้วถ้าเราสร้างให้คนเข้าใจผิดในศาสนาเกิดความแตกแยกนั้น มันจะเป็นภัยต่อสังคม ต่อประเทศชาติ แล้วหากเกิดความแตกแยกทางศาสนานั้นจะส่งผลร้ายแรงยิ่งกว่าความแตกแยกในสังคม หรือความแตกแยกของนักการเมือง ด้านการเมืองยังพอเยียวยาได้ สักพักหนึ่งก็เกิดความเข้าใจ ในสังคมก็เช่นกัน แต่ความแตกแยกทางศาสนานั้นมันส่งผลลึกไปถึงความศรัทธาของคนแต่ละฝ่าย มันอาจจะเกิดความเข้าใจผิด และเกิดการต่อสู้กันในหลายๆ ประเทศ

ประเทศไทยเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และยังมีคนส่วนน้อยที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ เราเองเคยอยู่กันอย่างสงบสุข รักใคร่ปรองดองกันมาโดยตลอด ผมเข้าใจว่าบางคนอาจจะไม่ดี แต่ก็มีอยู่ทุกศาสนา แต่เราไม่ควรไปแต่งเติมว่าเป็นเรื่องของศาสนา แล้วต้องมาแตกแยกมาเกลียดกันเพราะศาสนา ถ้าทำอย่างนั้นแล้วคนที่เสียหายที่สุด คือ คนไทยทุกคน ทุกศาสนา และประเทศชาติจะเสียหายไปด้วย

สำหรับนายอัยย์ เพชรทอง เป็นอดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย ต่อมาได้ตั้งตัวเองเป็นเลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ซึ่งมีแนวทางการเคลื่อนไหวแบบสุดโต่ง สร้างความขัดแย้งระหว่างศาสนา


กำลังโหลดความคิดเห็น