ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สธ. โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผนึกกำลัง ม.อ. กฎบัตรไทย บริษัทอันดามันพัฒนาเมือง โดยการสนับสนุน บพท.ระดมความคิดเห็น เสนอเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน เทียบเท่าอีอีซี สร้างเป็นพื้นที่เศรษฐกิจเวลเนส ขอแชร์ตลาดเวลเนสโลก
วันนี้ (21 ม.ค.) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานเปิดการประชุมระดมความเห็นการพัฒนาเขตเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Corridor) หรือ AWC ณ ห้องประชุมเก็ตโฮ่ ชั้น 5 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายพิเชษฐ์ ปาณะพงส์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงฐุรณธรรม รองผู้อำนวยการหาร หน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมการพัฒนาระดับพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวในการเปิดประชุมว่า กระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการจัดทำยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการด้านสุขภาพและการส่งเสริมสุขภาพ หรือเศรษฐกิจเวลเนส ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการยกระดับเศรษฐกิจเวลเนสให้เป็นสาขาหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างการระบาดและภายหลังการระบาดของโควิด-19 โดยให้วางแผนปฏิบัติการยกระดับสมรรถนะกิจการเวลเนสและสร้างพื้นที่เศรษฐกิจเวลเนสให้เร็วที่สุดเพื่อรองรับการบริการนักท่องเที่ยวสุขภาพซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง พร้อมการพัฒนามาตรฐานเวลเนสทุกสาขา โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพมีนโยบายพัฒนาใบอนุญาตเวลเนสใบเดียว หรือ wellness single license เพื่ออำนวยความสะดวกให้โรงแรมและกิจการเวลเนสสามารถนำกิจกรรมเวลเนสสาขาต่างๆ เช่น การแพทย์แผนไทย การแพทย์ตะวันออก งานเวชกรรมประเภทบริการความงาม สปา การฟื้นฟูสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุ หรือดิจิทัลเฮลท์ เข้าดำเนินการในโรงแรมได้ นับเป็นการเพิ่มจุดขายด้านสุขภาพในพื้นที่โรงแรมเช่นเดียวกับต่างประเทศ
นายแพทย์ธเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้จัดทำแนวคิดการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามันให้เป็นพื้นที่นำร่องการพัฒนาเศรษฐกิจส่งเสริมสุขภาพอย่างเป็นระบบ เป็นต้นแบบให้พื้นที่ท่องเที่ยวอื่น โดยสร้างแผนปฏิบัติการพิเศษให้เวลเนสเป็นหัวจักรแบ่งส่วนตลาดโลก ด้วยพื้นที่อันดามันมีความพร้อมด้านสมรรถนะของโรงแรมเวลเนส เนื่องจากกรมฯ กับกฎบัตรไทยได้จัดการฝึกอบรมหลักสูตรการจัดการโรงแรมส่งเสริมสุขภาพสำหรับผู้บริหาร มีโรงแรมผ่านการฝึกอบรมไปแล้วจำนวน 110 แห่ง นอกจากนั้น จังหวัดภูเก็ตยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่จัดงาน International Wellness Expo ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนงานและงบประมาณไปแล้วเช่นกัน รวมทั้งภูเก็ตยังมีความพร้อมทางด้านกายภาพและโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้ กรมฯ จึงร่วมกับกฎบัตรไทย มหาวิทยาลัยสงขลานรินทร์ บพท. และองค์เครือข่ายจัดประชุมระดมความคิดเห็นการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน หรือ AWC เพื่อนำข้อเสนอจากภาคส่วนเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงาน Wellness hub คณะกรรมการ Medical Hub และคณะรัฐมนตรีต่อไป
ส่วนประเด็นการสนับสนุนองค์ความรู้การวิจัยและนวัตกรรมรวมทั้งการสร้างฐานการวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า บพท.ได้จัดสรรงบประมาณวิจัยเพื่อพัฒนายุทธศาสตร์การพัฒนา AWC โดยมุ่งเน้นไปยังการยกระดับสมรรถนะกิจการเวลเนส และการนำนวัตกรรมเพื่อเพิ่มการลงทุนทางเศรษฐกิจเวลเนส ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บพท. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เทศบาลตำบลกะรน และกฎบัตรไทย ได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่กะรนเวลเนสแซนด์บ็อกซ์ โดยมีเป้าหมายการพัฒนาทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ขนาดเล็กเพื่อเป็นต้นแบบให้พื้นที่ทั่วทั้ง AWC โดยกิจกรรมเวลเนสจะเป็นกิจกรรมหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจสาขาอื่นให้เติบโตตาม
ด้านนายฐาปนา บุณยประวิตร เลขานุการกฎบัตรไทย ในฐานะคณะทำงานพัฒนา Wellness Hub กล่าวเสริมว่า เป้าหมายหลักของ AWC นอกจากการประกาศให้อันดามันเป็นพื้นที่พัฒนาพิเศษด้านเวลเนสแล้ว AWC ยังเป็นพื้นที่นวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกหน่วยงาน และองค์กรจะต้องร่วมมือกันยกระดับทางกายภาพ โครงสร้างพื้นฐาน ระบบการผลิต การบริการที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพและการส่งเสริมสุขภาพ โดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาคการผลิตและการบริการให้ภาพใหญ่ของอันดามันตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเวลเนสอย่างแท้จริง สามารถกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสุขภาพไปยังชุมชนท้องถิ่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่สำคัญได้แก่ การสร้างโอกาสในการฟื้นฟูศาสตร์การแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ทางเลือก หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซี่งเกษตรกรในพื้นที่ต้องเป็นฐานการผลิตหลักให้นิเวศของ AWC หากแผนปฏิบัติการนี้บรรลุเป้าหมาย การยกระดับเศรษฐกิจของพื้นที่จะปรับเปลี่ยนพร้อมกันทั้งระบบ ประชาชนทุกระดับจะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกัน
สำหรับการจัดประชุมระดมความคิดเห็นการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามันในครั้งนี้ คณะทำงานต้องการรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นหลัก 10 ข้อ ประกอบด้วย 1.ระดับศักยภาพในอนาคตของนิเวศและซัปพลายเชนเวลเนสพื้นที่อันดามันและประเทศไทย 2.ข้อคิดเห็นอนาคตการเติบโตของเศรษฐกิจเวลเนสของโลกในช่วง 20 ปีข้างหน้า 3.แนวทางการยกระดับสมรรถนะกิจการโรงแรมส่งเสริมสุขภาพและกิจการเวลเนส รวมทั้งชุมชนเวลเนสในพื้นที่ AWC 4.แนวการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการพัฒนาเวลเนส 5.แนวทางการพัฒนาเขตนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพร่วมกับองค์กรปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานเกี่ยวข้อง
6.สิทธิประโยชน์และปัจจัยด้านต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเวลเนสทั่วทั้งระบบ 7.บทบาทหน้าที่ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและหน่วยงานต่างๆ ในการสนับสนุนการพัฒนาเวลเนส 8.กฎหมายและข้อกำหนดที่จำเป็นต่อการสนับสนุนการพัฒนานิเวศเวลเนสและการพัฒนาเขตนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ 9.ข้อเสนอแผนปฏิบัติการและแผนงานนำร่องที่ปฏิบัติได้ สามารถมองเห็นผลกระทบเชิงบวกในช่วงเวลา 1-3 ปี 10.ระดับขีดความสามารถการแข่งขันของกิจการ Thai wellness unicorn และความคาดหวังส่วนแบ่งตลาดเวลเนสไทยจากตลาดโลก
ส่วนเป้าหมายด้านมูลค่าเศรษฐกิจที่ต้องการของพื้นที่ AWC คณะทำงานได้ประมาณการส่วนแบ่งตลาดเวลเนสโลกไว้ร้อยละ 10 หรือ 24,500 ล้านบาทในปี พ.ศ.2570 ซึ่ง The Global Wellness Institute ได้ประมาณการมูลค่าเศรษฐกิจเวลเนสโลกในปี พ.ศ.2570 ที่ 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการเติบโตของเวลเนสแบบก้าวกระโดดไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ต่อปี โดยสาขาที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ได้แก่ สาขาบริการความงาม สาขาการดูแลผู้สูงอายุ และสาขาการแพทย์ทางเลือก ตามลำดับ หากสามารถแบ่งส่วนตลาดเวลเนสโลกได้มากกว่าร้อยละ 20 ไทยจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจเวลเนสของโลก