สตูล - ชาวบ้านสตูลแห่ออกจับ “หอยท้ายเภา” ราชินีหอยบนพื้นที่ชายหาดแหลมสน ต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล หลังราคาพุ่งตก กก.ละ 600 บาท ขณะชุมชนร่วมอนุรักษ์เน้นหาแต่หอยตัวใหญ่
วันนี้ (25 ม.ค.) ในช่วงลมมรสุมตะวันออกพัดผ่าน ทำให้ในพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดสตูลมีหอยหลากหลายชนิดผุดขึ้นมาเป็นอาหาร และเป็นรายได้ให้ชาวบ้านในยุคเศรษฐกิจฝืด อย่างหอยขาว หอยหลอด หอยผีเสื้อ แต่หอยที่มีราคาสูงยังไม่มีหอยชนิดไหนเทียบราคาได้ คือ หอยท้ายเภา ซึ่งมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500-600 บาท ในขณะที่หอยขาว กิโลกรัมละ 25 บาท หอยผีเสื้อ กิโลกรัมละ 50 บาท หอยหลอด กิโลกรัมละ 180 บาท ทำให้ชาวบ้านต่างนำอุปกรณ์ออกมาหาหอยเป็นจำนวนมาก
โดยที่ชายหาดแหลมสน หน้าหมู่บ้านสนใหม่ ต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล ชาวบ้านในพื้นที่และต่างถิ่นต่างถืออุปกรณ์ออกหา “หอยท้ายเภา” กันอย่างคึกคักบนพื้นที่ชายหาดทรายโคลน ที่มีความยาวร่วม 4 กิโลเมตร ด้วยหอยท้ายเภามีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500-600 บาท แต่มีปริมาณค่อนข้างน้อยในปีนี้ บางรายหาได้เพียง 1-2 ตัวเท่านั้น
ขณะที่หอยท้ายเภาซึ่งมีราคาสูงแต่มีปริมาณน้อย เพราะก่อนหน้าที่มีการหาหอยตัวเล็กด้วย ส่งผลให้ปริมาณหอยน้อยลง แต่ชาวบ้านยังได้หอยชนิดอื่นทดแทน อย่างหอยผีเสื้อ แม้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท ก็สามารถนำไปปรุงเมนูอาหารได้ในยามที่สินค้าอย่างอื่นพากันขึ้นราคา
สำหรับหอยท้ายเภานั้น ชาวบ้านบอกว่าหาได้ 2 วิธี คือ รอน้ำลดมากๆ ในช่วงลมมรสุมตะวันออก ช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม และเดินหาริมชายหาด อีกวิธีคือ ออกเรือไปงมหอย ซึ่งกติกาชุมชนกำหนดให้ใช้แว่นตาในการดำน้ำงมหอยเท่านั้น เพื่อความเท่าเทียมของคนในชุมชน และเป็นการอนุรักษ์หอยด้วย
โดยหอยท้ายเภาจะมีแม่ค้ามารับซื้อที่หน้าหาดในกิโลกรัมละ 500-600 บาท หากเฉลี่ยเป็นตัวจะตกที่ราคาตัวละ 20-30 บาท หรือ 4 ตัว 100 บาท แล้วแต่ขนาดของหอย ซึ่งหอยตัวเล็กจะไม่มีราคา เมื่อได้มาแล้วชาวบ้านจะปล่อยไปเพื่ออนุรักษ์ไว้ให้โตขึ้นก็จะมาหาใหม่
น.ส.ฮาตี นาคสง่า อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 641 หมู่ 2 ต.ละงู ผู้เดินทางมาหาหอย กล่าวว่า น้ำขึ้นเร็วหาหอยได้น้อย นี่ได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น แต่ได้หอยผีเสื้อทดแทนสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูอาหารได้ โดยเฉพาะในช่วงสินค้าอื่นขึ้นราคา ส่วนหอยท้ายเภานั้นมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500-600 บาท หากหาได้เยอะเท่ากับได้เงินเยอะด้วย ซึ่งเราจะหาเฉพาะตัวใหญ่ ตัวเล็กจะปล่อยลงทะเลเพื่ออนุรักษ์ไว้
ด้านนายนายสุรชัช วาโร๊ะ เลขานุการนายก อบต.แหลมสน กล่าวว่า เมื่อก่อนมีการใช้เครื่องลมเป็นอุปกรณ์ในการหา คนหนึ่งได้วันละ 20-50 กิโลกรัม เมื่อเป็นแบบนี้ได้มีการคุยกันของชุมชนว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่มีหอยให้ลูกหลานได้ดู จึงมีกฎของชุมชนว่าเรางมได้นะแต่อย่าใช้เครื่องมือทุ่นแรงได้ไหม หันมาใช้เครื่องมือแบบบ้านๆ ดีกว่า จึงมีมติงดใช้เครื่องลมในการงมหอย ตอนนี้งมได้แต่อนุญาตให้ใช้แว่นตามอย่างเดียว มีอุปกรณ์ใส่หอย ทุ่นลอย ซึ่งทุ่นลอยนี้จะใช้สำหรับโยงหอยที่หาได้ และยังเป็นจุดสังเกตของเรือให้ทราบว่าจุดนี้มีคนกำลังงมหอยอยู่ เรือจะไม่แล่นเข้ามา ซึ่งเป็นการป้องกันอุบัติเหตุได้ด้วย
กติกาชุมชนนี้ตั้งมาหลายปีแล้ว ชาวบ้านที่นี่ให้ความร่วมมือดี เมื่อช่วง 2-3 ปีก่อนมีการรับซื้อหอยขนาดเล็กด้วย หลังจากนั้น 1-2 ปี เราหาหอยได้น้อยลงมาก ปีนี้หอยกลับมาเยอะนิดหนึ่ง หลังจากนั้น เรามีโครงการอนุรักษ์ ขอความร่วมมือชาวบ้านว่าหอยเล็กๆ ไม่ต้องเอาไป ให้โตก่อนค่อยมาเอา ไม่ต้องรีบ
นางณิรชา มีนวัฒนกุล อายุ 36 ปี ผู้รับซื้อหอยริมชายหาดแหลมสน บ้านสนใหม่ กล่าวว่า จะมารับซื้อในช่วงเช้าทุกวัน บางวันได้เยอะ บางวันได้น้อย อย่างวันนี้ได้มาคนละ 1-2 ตัว มากหน่อย 4-5 ตัว เฉลี่ยตัวละ 20-30 บาท ตัวเล็กจะไม่รับซื้อ จะซื้อตัวใหญ่ในราคากิโลกรัมละ 500-600 บาท
สำหรับพื้นที่ชายหาดแหลมสน ยาวประมาณ 4 กม. ครอบคลุม 4 หมู่บ้าน คือบ้านสนใหม่ บ้านสนกลาง บ้านกาเบง และบ้านบุโบย ต.แหลมสน อ.ละงู จ.สตูล บนพื้นที่แห่งนี้นอกจากจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหอยเศรษฐกิจอย่างหอยท้ายเภาแล้ว ยังพบหอยผีเสื้อซึ่งวิธรีการหาไม่แตกต่างกัน นับเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางทะเล
