xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรกรพังงาเดินตามรอยพ่อหลวง ผุด “สวนถุงแป้ง” เป็นศูนย์เรียนรู้เชิงท่องเที่ยว จุดเช็กอินสุดปัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พังงา - เกษตรกรพังงารุ่นใหม่ ผู้เดินตามรอยของพ่อหลวงจนประสบความสำเร็จ ผุดสวน “สวนถุงแป้ง” นำเนื้อที่ 4 ไร่ สร้างสวนเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นศูนย์เรียนรู้เชิงท่องเที่ยว และจุดเช็กอินสุดปัง เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าชม สร้างรายได้ให้ครอบครัว


เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรคนรุ่นใหม่ที่เดินตามรอยของพ่อหลวง จนประสบความสำเร็จ “นายวินัย รัตน์ไทรแก้ว” อายุ 40 ปี เจ้าของ “สวนถุงแป้ง” ในฐานะประธานกลุ่มเกษตรรุ่นใหม่ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Young Smart Farmer) ม.1 ต.ตากแดด อ.เมืองพังงา จ.พังงา ที่เดินตามรอยพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการนำที่ดิน 4 ไร่ สร้างสวนเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นศูนย์เรียนรู้เชิงท่องเที่ยว และจุดเช็กอิน เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าชมสร้างรายได้ให้ครอบครัว ภายใต้ “สวนถุงแป้ง”


ก่อนหน้านี้ “นายวินัย รัตน์ไทรแก้ว” เคยทำสวนยางพารามาก่อน แต่เนื่องจากราคาผันผวนขึ้นลงไม่คงที่ จึงตัดสินใจโค่นต้นยางทิ้ง แล้วหันมาทำเกษตรแบบผสมผสานตามรอยของพ่อหลวง พร้อมกับเริ่มต้นศึกษาข้อมูลการทำการเกษตรสมาร์ทฟาร์มเมอร์อย่างจริงจังและแสวงหาความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้านเกษตรอินทรีย์กับกลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองพังงา และสำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา ด้วยแนวคิดการทำเกษตรให้แตกต่างจากเกษตรกรคนอื่น สร้างจุดเด่นให้สวนของตนเองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษา เกษตรกร คนชุมชน และนักท่องเที่ยว


นายวินัย กล่าวว่า ได้แบ่งพื้นที่เป็นออกส่วนๆ โดยแบ่งปลูกส้มเขียวหวานพันธุ์ต่างๆ กว่า 200 ต้น ปลูกแซมระหว่างต้นด้วยมะละกอ มะนาวแป้น ส้มโอ พริก มะเขือ ฟักทอง ปลูกพืชผักต่างๆ หลากหลายชนิด โดยเน้นความสำคัญในการทำเกษตรแบบอินทรีย์ รวมทั้งได้ขุดบ่อน้ำเลี้ยงปลา สูบน้ำในบ่อมาใช้ภายในสวน เลี้ยงไก่ไข่ เก็บผลผลิตจำหน่าย ทำให้มีรายได้เข้าสู่ครอบครัวทุกวัน


หนึ่งในผลผลิตที่ทำให้ “สวนถุงแป้ง” เป็นที่รู้จัก คือ มะนาวแป้นพวงพังงา โดยตนได้นำมะนาวพันธุ์โคตรดกสุพรรณ ปลูกไว้รวมกับมะนาวพันธุ์พื้นเมืองของพังงา กระทั่งสังเกตพบว่ามีต้นแตกหน่อขึ้นมามีลูกดก ผลโต กลิ่นหอมแบบมะนาวพื้นเมือง เป็นช่อคล้ายพวงองุ่น ผลดก มีน้ำเยอะ รสชาติดี ออกผลตลอดทั้งปี จึงขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ปัจจุบันสามารถขยายได้จำนวนมาก เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง


นอกจากนั้น จุดเด่นของสวนแห่งนี้อีกอย่างคือ สวนส้มเขียวหวาน และส้มโชกุน ที่ปลูกมาเป็นปีที่ 5 มีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ส้มทยอยออกหลายชุด เก็บเกี่ยวได้ปีละ 3 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค.-ก.พ. ซึ่งในช่วงนี้ออกผลเต็มต้นและเริ่มสุกมีสีสันสวยงาม ทางสวนจึงได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ชิม และถ่ายรูปเช็กอิน


สำหรับ “สวนถุงแป้ง” เป็นสวนต้นแบบที่เปิดให้มีการศึกษาเรียนรู้ด้วย ทำให้กลายเป็นจุดเช็กอินที่ยังคงติดกระแสและช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ สร้างรายได้เป็นอย่างดี โดยทาง “สวนถุงแป้ง” เก็บค่าเข้าชมสวนส้มคนละ 20 บาท เฉพาะผู้ใหญ่ ส่วนเด็กเข้าชมฟรี มีบริการหมวกกับตะกร้าไว้สำหรับถ่ายภาพ เก็บผลส้มฟรี นอกจากนี้ ยังมีน้ำส้มคั้นสดๆ ส้มสดๆ จากต้น และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ปลูกภายในสวนไว้จำหน่ายในราคาย่อมเยาอีกด้วย


ปัจจุบัน “สวนถุงแป้ง” มีการรับรองมาตรฐาน GAP จากกรมวิชาการเกษตร ภายในสวนจะปลูกพืชแบบเอื้อต่อกัน โดยแบ่งเป็นพืชผักสร้างรายได้ประจำวัน เช่น ถั่วฝักยาว บวบ มะเขือ มะนาวแป้นพวงพังงา ส่วนรายได้ต่อเดือนจะเป็นพวกกล้วย มะละกอ ขนุน ส่วนรายได้รายปีจะมีส้ม และทุเรียนเป็นหลัก และมีรายได้เสริมจากการผลิตพันธุ์ไม้ตามสั่งของลูกค้า ทำให้ปัจจุบันครอบครัวมีความสุขจากการได้อยู่กันพร้อมหน้า เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง










กำลังโหลดความคิดเห็น