สุราษฎร์ธานี - 2 สามีภรรยาชาวสวนยางพารา ร้องถูกนายตำรวจยศ พ.ต.ท. สภ.กาญจนดิษฐ์ ทำร้ายร่างกาย และกักขังหน่วงเหนี่ยว ด้านคู่กรณีชี้แจงเกิดเหตุเข้าใจผิด พร้อมปฏิเสธไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นมาจากเจ้าตัวพยายามลงจากรถ
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันนี้ (11 ม.ค.) ที่ข้าง สภ.กาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายนัยเนตร บัวเพชร อายุ 44 ปี นางจรรยารัตน์ บำเพ็ญ อายุ 38 ปี สองสามีภรรยา ชาวสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.6 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ พร้อมว่าที่ ร.ต.กิตติพิชญ์ บุญสุข ทนายความ และ ญาติๆ กว่า 20 คน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ตนและ ภรรยาได้เดินทางมาพบ พ.ต.ท.อรุณ จันทร์พูล รองผู้กำกับสอบสวน เนื่องจากทางพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำเพิ่มเติมกรณี ถูกนางอุรา เมฆสุข ลูกจ้างกรีดยางพาราที่ถูกตนไล่ออกมาแจ้งความ ว่า ตนยิงปืนขู่ โดยนางอุรา เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ซึ่งตนได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
แต่วันนี้ (11 ม.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกตนมาสอบสวน โดยมีการสอบถามว่าตนมีอาวุธปืนหรือไม่ ตนตอบไปตามความจริงว่า มีอาวุธปืนขนาด 9 มม.อยู่ 1 กระบอก และมีใบอนุญาตถูกต้อง ทางรองผู้กำกับจึงให้ตนพาไปเอาปืนมาประกอบสำนวน ตนแสดงความบริสุทธิ์ใจจึงพาเจ้าหน้าที่ไป โดยมีรองผู้กำกับ และอาสาตำรวจบ้านเป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนครึ่ง สีขาว หมายเลขทะเบียน บม 2781 กระบี่
หลังจากไปเอาปืนที่บ้านแล้วขากลับทางรองผู้กำกับ ไม่ยอมนำตนกลับมาที่โรงพัก แต่กลับพาตนออกนอกเส้นทาง พร้อมกับอ้างว่าจะนำรถไปเติมน้ำมันฟรี ตนไม่ยินยอมไปด้วย ทางรองผู้กำกับได้ตะคอกใส่ว่า มึงต้องไปกับกู ตนเห็นท่าไม่ดีจึงนำโทรศัพท์โทร.มาหาเมียที่รออยู่ที่โรงพัก ว่า ตำรวจจะตนไปฆ่า ขอให้มาช่วย จึงถูกผู้กำกับกดหัวลงกับพื้นรถ พร้อมกับทำร้ายร่างกาย ตนพยายามถีบประตูรถ ด้านคนขับรถกลัวว่ารถจะเสียหาย จึงยอมจอดรถ ตนจึงเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน และโทรศัพท์ให้ภรรยาขับรถมารับ และเดินทางมาลงบันทึกประจำวัน และเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ โดยมีใบรับรองการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลว่าตามร่างกายมีบาดแผล 1.มีบาดแผลฟกช้ำที่หลัง 2.บาดแผลหรือรอยข่วนที่สีข้างด้ายซ้าย 3.ปวดรอบเบ้าตาขวาและหน้าอก และผลการตรวจฉี่ไม่พบสีม่วง มาแสดงต่อผู้สื่อข่าว
ในขณะที่นางจรรยารัตต์ ภรรยาของผู้บาดเจ็บได้ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทำไมถึงได้ทำกันรุนแรง ทั้งที่ เรื่องถูกกล่าวหานั้นเพียงเป็นข้อกล่าวหาว่ายิงปืนข่มขู่ และหลังเกิดเหตุกลางคืนก็ไม่กล้าออกกรีดยาง ตนไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากมีปัญหากับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จึงวอนสื่อให้เป็นสื่อกลางในการนำเสนอเพื่อเป็นกระบอกเสียงสู่สาธารณะ
ด้านทนายความระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเนื่องจากไม่อำนาจในการควบคุมตัวและไม่มีอำนาจในการขออาวุธปืนมาประกอบสำนวนการสอบสวน ที่จริงจะต้องมีการบันทึกการรับมอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน นี่เป็นการวิสาสะ และไม่ควรทำอย่างนั้น ถ้าเป็นไปตามกฎหมายจะต้องให้ผู้เสียหายนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปส่งมอบและจะต้องออกใบส่งมอบและออกใบรับอาวุธปืนและนำส่งพิสูจน์หลักฐานว่าเป็นปืนที่ได้รับอนุญาตจริงหรือไม่ ส่วนคดีที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหานั้นทางผู้เสียหายได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งตนเข้าใจว่าคดีดังกล่าวพยานหลักฐานอ่อนในเรื่องการยิงปืนจะต้องมีปลอกกระสุนปืนหรือวิถีกระสุนปืน
แต่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว จึงไปเอาอาวุธปืนมาประกอบสำนวน ในเมื่อขากลับออกนอกเส้นทาง ทางผู้เสียหายก็ตกใจกลัว มีการพูดจาข่มขู่ มีการทำร้ายร่างกาย จึงทำให้ครอบครัวผู้เสียหายติดใจเอาความ จึงมาแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทางพนักงานสอบสวนจะส่งเรื่องให้คณะกรรม ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวนดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.อรุณ จันทร์พูล รอง ผกก.สส.สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า วันเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิงไม่กล้าไปบ้านของผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นพื้นที่ไกลปืนเที่ยง ตนจึงนำกำลังไปหลายนาย ไปเอาปืนที่ผู้ต้องหาบอกว่ามีอยู่ที่บ้าน แต่ขากลับน้ำมันในรถจะหมดจึงบอกคนขับรถให้ขับรถออกนอกเส้นทางไปเติมน้ำมันฟรี จึงทำให้นายนัยเนตร ตกใจกลัวพยายามที่จะให้รถจอด พร้อมกับโทรศัพท์ไปบอกกับเมียที่รออยู่ที่โรงพัก ว่า ตำรวจพาตนไปฆ่า ในเรื่องที่ทางผู้ต้องหากล่าวหาว่าตนทำร้ายร่างกายกักขังหน่วงเหนี่ยวนั้นตนขอปฏิเสธไม่เป็นความจริง ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นมาจากการดิ้นรนจากการที่จะลงจากรถ เหตุอาจตกใจกลัวในเรื่องที่เข้าใจผิด