ตรัง - ซ้ำเติมปัญหาข้าวของแพง ไก่ ปลาที่ใช้แทนหมูปรับขึ้นราคารายวันเช่นกัน ทำให้ค่าครองชีพพุ่งไม่หยุด แถมล่าสุดราคาหมูยังปรับขึ้นกลางวันพระซึ่งผิดปกติ วอนหน่วยงานเร่งตรวจสอบ ประชาชนถูกเอาเปรียบ
วันนี้ (7 ม.ค.) บรรยากาศการจับจ่ายสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนในตลาดท่ากลาง เทศบาลนครตรัง พบว่าผู้คนเริ่มบางตาลง ซึ่งคงเป็นเพราะปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีอยู่ และราคายางพาราตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 46-48 บาท ทำให้ประชาชนชาวตรังส่วนใหญ่ขาดกำลังซื้อ ส่วนที่ซื้อจะซื้อแต่เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น รวมทั้งอาหาร ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาไก่ และกุ้ง หอย ปู ปลาที่ใช้ปรุงอาหารแทนหมู หลังจากที่ราคาหมูหน้าฟาร์มยังพุ่งสูงขึ้น พบว่า ราคาไก่ และปลามีการปรับขึ้นเกือบทุกวันเช่นเดียวกัน
นางวิศาสตร์ คงวัฒนานนท์ เจ้าของแผงไก่ป้าดาไก่สด กล่าวว่า ไก่สดขณะนี้มีการปรับราคาสูงขึ้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยปรับขึ้นครั้งละ 2-3 บาท ปรับไล่ขึ้นตามราคาหมู จากเดิมไก่สดกิโลกรัมละ 47 บาท ตอนนี้ปรับขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท หรือขึ้นมาแล้ว 13 บาท ในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งตนเองนำมาขายที่กิโลกรัมละ 65 บาท เอากำไรเพียง 5 บาท หรือเอากำไรเพียงน้อยๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อ และสงสารลูกค้า เพราะทุกคนเดือดร้อนจากราคาหมู และสินค้าอื่นๆ ที่แพงขึ้นทุกอย่าง โดยคนขายขณะนี้ไม่ได้กำไร ขอแค่พออยู่ได้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกันไปก่อน เมื่อสอบถามกับเจ้าของฟาร์มไก่ว่าทำไมแพงขึ้น ได้รับคำตอบว่าเกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการขนส่งลูกไก่ประมาณนับล้านตัว ทำให้ไก่หายไปจากระบบจำนวนมาก ราคาไก่จึงต้องปรับตัวสูงขึ้น เพราะของมีน้อย จึงทำให้พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนผู้บริโภคเดือดร้อน
เช่นเดียวกับแผงอื่นๆ ราคาไก่สดจะอยู่ประมาณกิโลกรัมละ 65-68 บาท และจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง โดยนายอาซิม ตัดสายชล เจ้าของแผงไก่บังซิมไก่สด กล่าวว่า ตอนนี้ราคาสินค้าปรับขึ้นทุกวัน ปรับขึ้นแล้วไม่ลง และปรับขึ้นครั้งละหลายบาท โดยราคาหมู ไก่ที่ปรับขึ้น อยากให้รัฐบาลไปตรวจสอบกับบริษัทผู้ค้าอาหารว่าขึ้นราคาเอาตามอำเภอใจ หรือขึ้นตามสภาพความเป็นจริง ในขณะที่ราคายางกลับลดลงเรื่อยๆ ทำให้กำลังซื้อของประชาชนไม่มี ชาวบ้านจะตายกันหมด เพราะไม่ช่องทางการต่อสู้ ดังนั้น รัฐบาลควรจะช่วยให้ราคายางปรับขึ้นให้เหมือนกับราคาสินค้า หรือค่าครองชีพอื่นๆ เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้
ส่วนนางสุนิสา ศรีกระจ่าง และนายมานพ ศรีกระจ่าง เจ้าของเขียงหมูสดเจ๊สุ กล่าวว่า ล่าสุดราคาหมูหน้าฟาร์มที่ตนสั่งซื้อมาได้ปรับราคาขึ้นอีกกิโลกรัมละ 5 บาท เป็นกิโลกรัมละ 106 บาท ซึ่งเป็นการปรับขึ้นราคากลางวันพระ ทั้งที่ปกติจะปรับราคาขึ้นในช่วงทุกๆ วันพระ ทำให้ตนเองเดือดร้อน โดยปกติจะขายวันละ 5 ตัว แต่ตอนนี้เหลือวันละ 3 ตัว หายไป 2 ตัว เพราะขายยากมาก คนซื้อลดลง ทั้งที่แผงของตนเองจะขายถูกที่สุดแล้ว ส่วนตัวมองว่าเป็นการฉวยโอกาสปรับราคาขึ้น อยากหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจังว่าการปรับราคาขึ้นเกือบทุกวันของหมูนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ เป็นการค้ากำไรเกินควร ฉวยโอกาสกับผู้บริโภค หรือมีการฮั้วกันด้านราคาหรือไม่ ถึงแม้ตนเองจะเข้าใจว่าหมูขาดตลาดจริง แต่ในการจำหน่ายนั้นแพงเกินจริงหรือไม่ เช่น หมูราคา 8,000 บาท แต่มาขาย 10,000 บาท หรือราคาอาหารปรับขึ้นตามความเป็นจริงหรือไม่
ทางด้านประชาชนชาวตรังที่มาซื้อสินค้าในตลาดสด บอกว่า ขณะนี้เลิกกินหมูสักพักแล้วเพราะแพงเกินไป หันมาซื้อไก่ซื้อปลาแทน แม้ราคาจะเพิ่มขึ้นแต่ยังถูกกว่าหมู อย่างไรก็ตาม ล่าสุดราคากุ้ง หอย ปู ปลาบางชนิดปรับขึ้นมาต่อเนื่องในระยะเวลา 2 เดือน เช่น ปลากะพง ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม จึงทำให้ประชาชนเดือดร้อนหนัก เพราะหันไปซื้อสินค้าอะไรก็แพงทั้งสิ้น ขณะที่เงินในกระเป๋าไม่มี


