ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าของร้านเกาเหลาเซอร์ไพรส์หลังรู้ความจริง คุณตาที่ขับซาเล้งมากินด้วยเสื้อผ้าค่อนข้างโทรม กลายเป็นตำรวจยศ “ร.ต.ท.” เผยร้านนี้ทำอร่อยคุ้มราคา ซึ่งตนนอกจากจะชอบกินเนื้อวัวแล้ว ยังเป็นจิตอาสาช่วยตัดหญ้าบนเกาะกลางถนน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่ จ.สงขลา ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “น้าลั่น เนื้อตุ๋นปลาเด้ง” โพสต์ภาพและเรื่องราวที่ทำให้ต้องเซอร์ไพรส์เอาไว้ในเพจชมรมคนรักก๋วยเตี๋ยวเนื้อ หลังจากที่มีคุณตาคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ตัวเดิมๆ และขับรถซาเล้งคล้ายกับคนเก็บของเก่า แวะมานั่งกินเกาเหลาที่ร้านของตนเองอยู่ 2-3 ครั้ง
ซึ่งครั้งแรกได้คุยกันเล็กน้อย และคุณตาบอกว่า ทำงานวันนี้ยังได้เงินไม่ถึง 300 บาท และครั้งต่อมาเมื่อคุณตาคนนี้แวะมาที่ร้านอีกก็อยากที่จะช่วยเหลือโดยลดราคาให้ เนื่องจากเห็นว่ามีรายได้น้อย แต่ได้รับการปฏิเสธและบอกว่าจะขอจ่ายในราคาเดียวกับลูกค้าทั่วไป และเกาเหลาถึงจะราคาแพงชามละ 80 บาท แต่ก็คุ้มค่ากับความอร่อย อีกทั้งหากลดราคาวันหน้าอาจจะไม่กล้ามากินอีก
กระทั่งเมื่อวานนี้คุณตาคนนี้แวะมาอุดหนุนที่ร้านอีกครั้ง และทำให้ต้องประหลาดใจจนรู้สึกเหมือนคนโดนแกง หรือถูกสายสืบแอบเข้ามาล้วงความลับไปซะแล้ว เพราะคุณตาเล่นสวมเครื่องแบบตำรวจนายร้อยมาเต็มยศ และขับรถจักรยานยนต์ของตำรวจมาด้วย และทุกครั้งที่มาก็สั่งเกาเหลา และนั่งกินตรงมุมเดิมทุกครั้ง จึงได้มีการพูดคุยกัน ก่อนขอถ่ายรูปนำมาบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจที่เกิดขึ้น และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก
โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวดังกล่าว พบว่า ชื่อร้านลั่นเนื้อตุ๋นปลาเด้ง สูตรจีนปรุงเจริญกรุง ตั้งอยู่ริมถนนสาย สงขลา-ระโนด หมู่ที่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นร้านที่เพิ่งเปิดได้ราวเดือนกว่าๆ เนื่องจากเจ้าของร้านเพิ่งย้ายลงมาจากภาคกลาง
และจากการสอบถามกับทางเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ได้มีคุณตา หรือตำรวจท่านนี้ขับซาเล้งแวะมากินเกาเหลาที่ร้าน ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ และคิดว่าน่าจะทำอาชีพรับจ้างทั่วไป และเก็บของเก่า และที่รถซาเล้งก็มีเครื่องตัดหญ้าอยู่ด้วย และจากการได้พูดคุยกันเล็กน้อยในครั้งแรกทราบว่า ในวันนั้นยังทำงานได้เงินไม่ถึง 300 บาทเลย
จากนั้นอีกไม่กี่วันต่อมา คุณตาก็แวะมาที่ร้านอีก และตนอยากจะช่วยเหลือ เนื่องจากเห็นว่าคุณตามีรายได้น้อย และเกาเหลาชามละ 80 บาทนั้นดูค่อนข้างแพงไปสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ แต่คุณตาก็ขอจ่ายในราคาเหมือนกับคนลูกค้าคนอื่นๆ ทั่วไป เพราะคุ้มค่ากับความอร่อย และหากลดราคาให้อาจจะทำให้ไม่กล้ามากินอีก พร้อมกับขอเอาน้ำดื่มที่พกมาด้วยมากินที่ร้าน และหลังกินเสร็จยังหยิบเอากระดาษขึ้นมาคล้ายกับทำงานอะไรสักอย่างอยู่ราวชั่วโมง แต่ไม่ได้เอะใจอะไร
จนกระทั่งเมื่อวานนี้คุณตากลับสลัดคราบของคนรับจ้างเก็บของเก่าโทรมๆ ขับเซาเล้ง แต่มาในมาดของนายตำรวจยศนายร้อย ขับรถจักรยานยนต์ของตำรวจมาด้วยแบบเท่ๆ เพื่อแวะมากินเกาเหลาที่ร้านเหมือนเดิม ซึ่งตนกตกใจไม่น้อย เพราะไม่นึกว่าคุณตาท่านนี้จะเป็นตำรวจ จึงได้คุยกันและขอถ่ายรูปมาลงโซเชียล โดยเทียบกับรูปเดิม โต๊ะเดิม มุมเดิมกับในครั้งแรกที่เจอกันที่ร้าน และจากการสอบถามคนรู้จักพอจะทราบว่า คุณตาหรือตำรวจท่านนี้เป็นคนขยัน และนอกเวลางานมักจะหาอะไรทำ หรือทำงานเสริมอยู่เป็นประจำ โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นงานอะไร
ในขณะที่หญิงสาวเจ้าของร้านอีกคนบอกว่า ในตอนแรกที่เจอแม้จะเห็นว่าคุณตาท่านนี้จะแต่งตัวออกไปในแนวโทรมๆ อาจจะไม่มีเงินมากมาย แต่ไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธ หรือไม่ต้อนรับให้เข้ามาที่ร้าน โดยปฏิบัติกับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกันหมด แต่แอบตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าความจริงแล้วคุณตาเป็นตำรวจ และหลังจากนี้คงจะแวะมาอุดหนุนกันอีก และอยากฝากไปถึงร้านต่างๆ นอกจากจะมีของดี ของอร่อยแล้ว การให้เกียรติกับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังได้พบกับตำรวจท่านนี้ด้วย คือ ร.ต.ท.อัฐโรจ สุขไสย รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองสงขลา อายุ 57 ปี โดยแต่งตัวและขับซาเล้งมาในสภาพเดิมๆ แต่วันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวขายหมดไปก่อนแล้ว และบอกว่าปกติเป็นคนชอบออกกำลังกาย และเวลาหลังเลิกงานหรือวันหยุดมักจะหางานอะไรทำ รวมทั้งตัดหญ้า
อีกทั้งส่วนตัวเป็นคนชอบกินเนื้อวัวด้วย ซึ่งเกาเหลาเนื้อที่ร้านนี้อร่อยถูกปากจริงๆ ไม่เหนียว เนื้อนิ่ม กินง่าย ซึ่งตนยกนิ้วให้เลยทุกครั้งที่มากินเหมือนกับในรูป และส่วนใหญ่ชอบมากินช่วงเที่ยงๆ ซึ่งวันก่อนตอนที่ใส่เครื่องแบบมาก็เล่นเอาเจ้าของและคนที่ร้านตกใจกันไปตามกัน เพราะไม่มีใครนึกว่าตนจะเป็นตำรวจ
นอกจากนั้น ในช่วงหัวรุ่งยังออกมาตัดหญ้าเป็นประจำ ทั้งใช้เลี้ยงสัตว์ และเป็นจิตอาสาตัดหญ้าบนเกาะกลางถนนในย่านดังกล่าว ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านพัก เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงาม เนื่องจากบางครั้งหญ้าบนเกาะเกาะกลางถนนรกรุงรังไม่มีคนหรือหน่วยงานไหนมาเหลียวแล จึงจัดการให้เอง และฝากเป็นข้อคิดเอาไว้ด้วยว่า ในช่วงวัยใกล้เกษียณก็ควรทำประโยชน์ หรือทำอะไรดีๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคมบ้าง