กระบี่ - จังหวัดกระบี่ยืนยันไม่เลื่อนเปิด “อ่าวมาหยา” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง 1 ม.ค.65 นี้ นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมความสวยงามอย่างแน่นอน ภายใต้ข้อกำหนดทั้งการจำกัดจำนวนคน เวลา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องตามที่ กมธ.ที่ดินติง
จากกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมเปิดอ่าวมาหยาให้นักท่องเที่ยวเข้าได้อีกครั้ง ในวันที่ 1 ม.ค.2565 หลังถูกปิดเพื่อฟื้นฟูสภาพธรรมชาติมานานตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.61 รวมเวลา 3 ปีเศษ จนสภาพธรรมชาติฟื้นตัวกลับมาสวยงามอีกครั้ง โดยกรมอุทยานฯ เตรียมแผนรองรับการเปิดอ่าวครั้งใหม่ด้วยการสร้างท่าเทียบเรือขึ้นที่บริเวณอ่าวโละซามะ เพื่อใช้รับส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปยังอ่าวมาหยา และเส้นทางเดินบอร์ดเวย์ จากท่าเรือไปยังอ่าวมาหยา เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเหยียบย่ำลงบนพื้นทราย
ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ ในฐานะรองประธาน กมธ.ที่ดินฯ นำคณะเข้าตรวจสอบกรณีบริษัทรับเหมาเอกชนร้องเรียนไปยัง กมธ.ที่ดินฯ ถึงปัญหาการก่อสร้างท่าเทียบเรือ พร้อมกับได้เข้าประชุมเรื่องดังกล่าวที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ โดยมีนายปราโมทย์ แก้วนาม หน.อุทยานฯ นายมานะ นวลหวาน ผอ.เจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ นายทศพร โชติช่วง ผอ.ทสจ.กระบี่ นายทิดฐพงษ์ พรมภักดี วิศวกรจาก บ.ไฮ-พลัส คอร์ปอเรชั่น จก. ซึ่งเป็นบริษัทที่เสียหาย น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยตัวแทนของบริษัทไฮ-พลัสฯ ให้ข้อมูลกับคณะ กมธ.ที่ดินฯ ว่า การก่อสร้างท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะ เกิดปัญหาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามสัญญาเนื่องจากก่อนนี้กรมอุทยานฯ ทำแบบแปลนก่อสร้างท่าเทียบเรือ มีสะพานยื่นออกมารับกับโป๊ะจอดเรือลอยน้ำ แต่แบบแปลนแรกที่นำมาเปิดประมูลให้บริษัทฯ เข้าดำเนินการเกิดความผิดพลาดจึงต้องยกเลิก และทำการออกแบบใหม่ก่อนเปิดให้มีการประมูลหาผู้รับเหมารายใหม่เข้าไปดำเนินการ ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายจากการทำสัญญาก่อสร้างฉบับแรก เพราะมีการเตรียมอุปกรณ์ไว้แล้ว และมีการตรวจรับอุปกรณ์ตามระเบียบ แต่บริษัทกลับไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ จึงนำเรื่องนี้ไปร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากกรมอุทยานฯ นอกจากนี้ ในแบบแปลนของกรมอุทยานฯ ที่ออกมาแบบที่ 2 ไม่สามารถติดตั้งเข้ากับโป๊ะจอดเรือแบบลอยน้ำได้ จนต้องปรับแก้รูปแบบท่าเรือใหม่
ซึ่งทาง กมธ.ที่ดินฯ มองว่า รูปแบบที่ก่อสร้างใหม่อาจไม่มั่นคงปลอดภัยเพียงพอหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในการปรับแบบใหม่ ทางกรมอุทยานฯ ไม่ได้ยื่นขอแก้แบบไปยังกรมเจ้าท่า มีเพียงการยื่นขออนุญาตไปครั้งแรกในรูปแบบเก่าเท่านั้น จึงอาจผิดระเบียบของกรมเจ้าท่าได้ ทาง ผอ.เจ้าท่า สาขากระบี่ จึงเสนอให้ทางอุทยานฯ ดำเนินการยื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อน
นายสฤษฎ์พงษ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องท่าเทียบเรืออ่าวมาหยา เกิดปัญหาจากการร้องเรียนของผู้รับเหมารายแรกที่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามสัญญา เพราะมีปัญหามาจากแบบแปลนการก่อสร้าง ทำให้ทางผู้รับเหมาต้องไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหาย ต่อมา มีการนำเอาบริษัทรับเหมาอีกรายเข้ามาดำเนินการต่อ ซึ่งรายที่ 2 จะเข้ามาถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องรูปแบบของท่าเทียบเรือ ที่ทางวิศวกรก่อสร้าง มองว่ามีความไม่มั่นคงปลอดภัยเพียงพอ จึงต้องปรับแก้กันอยู่ในตอนนี้
รอง ปธ.กมธ.ที่ดินฯ กล่าวด้วยว่า ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต้องมาเป็นอันดับแรกหากเร่งรีบเปิดอ่าวมาหยา ทั้งที่ความพร้อมยังไม่มี จะเกิดผลเสียตามมาในภายหลังได้ รวมถึงการขออนุญาตก่อสร้างจากกรมเจ้าท่า และทราบว่ามีการยื่นขออนุญาตก่อสร้างไปเพียงครั้งแรกครั้งเดียว แต่เกิดปัญหาต้องมาแก้ไขรูปแบบจึงยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตกรมเจ้าท่าใหม่ แต่หลังจากที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.มาที่กระบี่ มาให้นโยบายว่าต้องเปิดอ่าวมาหยาให้ได้ในวันที่ 1 ม.ค.65 ทำให้หน่วยงานในพื้นที่ต้องเร่งดำเนินการจนอาจจะผิดกฎหมายได้
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมา ทาง กมธ.ที่ดินจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมใหญ่ เพื่อดูมติว่าอาจจะต้องเสนอกรมอุทยานฯ ให้เลื่อนการเปิดอ่าวมาหยาออกไปก่อน เพราะยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ ทุกอย่างต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน แต่หากยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ หากจะต้องขยายเวลาปิดอ่าวมาหยา ออกไปอีก หรือหากแก้ไขแบบไม่ได้ถึงขนาดต้องทุบท่าเรือทิ้งไปต้องดูความเห็นจากวิศวกรอีกครั้ง ซึ่งการจะต้องเลื่อนการเปิด หรือขยายเวลาปิดอ่าวมาหยาออกไปอีก เชื่อว่าภาคเอกชนน่าจะเข้าใจ เพราะต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
ล่าสุด นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีทั้งตัวแทนภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว และผู้นำท้องถิ่นใน จ.กระบี่ เข้าประชุมที่ห้องประชุมสำนักงานอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยมีวาระที่สำคัญคือ การเตรียมความพร้อมเปิดอ่าวมาหยา เพื่อมอบเป็นของขวัญให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยว และผู้ประกอบกิจการต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.กระบี่ หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวอ่าวมาหยา รวม 3 ปีเศษ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องการดำเนินการสร้างสะพานบริเวณทางขึ้นของบริษัทเอกชนผู้รับเหมา และเรื่องที่ กมธ.ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้รับการร้องเรียนจากผู้รับเหมาเอกชนว่าการก่อสร้างท่าเรือโล๊ะซามะทางเข้าอ่าวมาหยา เกิดปัญหาจากแบบแปลนก่อสร้าง ทำให้จนถึงตอนนี้ท่าเรือยังไม่เสร็จเรียบร้อย ทาง กมธ.ที่ดินฯ ติงว่าหากเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวเกรงจะเกิดปัญหาหากเปิดให้นักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้เปิดอ่าวมาหยา ตามกำหนดเดิมคือ วันที่ 1 ม.ค.65 โดยมีเงื่อนไข คือ นักท่องเที่ยวสามารถเหยียบอ่าวมาหยา ได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. และออกจากอ่าวมาหยา เวลา 18.00 น. เรือนำเที่ยวเข้าเทียบท่าได้วันละ 11 รอบๆ ละ 375 คน รวมทั้งวัน 4,125 คน นักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นได้ 22 รอบๆ ละ 99 คน ในเวลา 45 นาที และลงเล่นน้ำหน้าชายหาดได้คนละ 1 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จะเปิดให้จองผ่านระบบ QueQ (คิวคิว) ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.64 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป และเปิดพื้นที่ให้สำหรับคนในท้องถิ่นส่วนหนึ่งในการเข้าจอดเรือที่อ่าวโล๊ะซามะ
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ทาง กมธ.ที่ดินฯ ได้เข้ามาตรวจสอบการก่อสร้างท่าเรือบริเวณอ่าวโละซามะ ซึ่งใช้เป็นท่าเทียบเรือให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปอ่าวมาหยาพบว่ามีปัญหาเนื่องจากในส่วนที่แก้ไขแบบยังไม่ได้มีการขออนุญาต จะให้ทางอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้มีการขออนุญาตให้ถูกต้อง และเชื่อว่าคงจะไม่มีปัญหา และจังหวัดจะเข้าไปร่วมด้วย
และอย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 มกราคมนี้จะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าอ่าวมาหยาได้อย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่เต็มจำนวนตามที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ เพื่อทดสอบระบบว่าติดขัดปัญหาตรงไหนอย่างไร จะมีการดำเนินการแก้ไขต่อไปเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกฝ่ายคำนึงถึงการเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาล