ตรัง - ชาวบ้านบนเกาะสุกร จ.ตรัง รวมตัวเรียกร้อง ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบการติดตั้งโคมไฟถนนโซลาร์เซลล์ 142 ต้น งบประมาณเฉียด 10 ล้านบาท แถมใช้งานได้ไม่มีประสิทธิภาพ หลังพบว่าการก่อสร้างไม่ตรงตามสเป็กสัญญา
ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดก่อสร้างระบบไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนด้วยระบบโซลาร์เซลล์ หรือโครงการขยายเขตไฟฟ้า เติมเสาไฟฟ้า ดวงไฟ ภายชุมชนเกาะสุกร ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ด้วยการติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยงบอุดหนุนตามแผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 9.9 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเกาะสุกร รวม 19 สายทาง ครอบคลุมทั้ง 4 หมู่บ้าน ตั้งแต่ถนนสายจุดชมวิวเกาะสุกร-ถนนเลียบหาดแตงโม รวมจำนวน 142 ต้น ที่มีการลงนามโดย นางราตรี จิตรหลัง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะสุกร เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 วันเริ่มสัญญา 26 เมษายน 2564 วันสิ้นสุดสัญญา 24 สิงหาคม 2564 โดยมีการขยายสัญญารวมแล้ว จำนวน 3 ครั้ง ซึ่งจนถึงขณะนี้การติดตั้งยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ และยังไม่มีการส่งมอบงาน
ทั้งนี้ โครงการติดตั้งโคมไฟถนนดังกล่าว เป็นไปตามรายการบัญชีนวัตกรรมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้จัดสรรงบประมาณให้ อบต.เกาะสุกร ติดตั้งโคมไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ ในลักษณะแบบประกอบในชุดเดียวกัน ขนาด 30 วัตต์ มูลค่า 9,940,000 บาท แต่ในการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างระบุงบประมาณ จำนวน 9,918,900 บาท
โดยชาวบ้านได้ตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่เมื่อมีการติดตั้งแล้วพบว่าเสาไฟดังกล่าวมีความผิดปกติ ได้แก่ มีขนาดไม่ตรงสเป็ก ไม่ได้เป็นแบบประกอบในชุดเดียวกัน ขนาด 30 วัตต์ อีกทั้งขนาดและความสูง หลอดไฟไม่ได้มาตรฐาน เสาบางต้นหลังมีการทดลองเปิด พบว่าระยะเวลาการส่องสว่างเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หมดพลังงาน และดับลง รวมทั้งระยะห่างของการติดตั้งเสาไฟดังกล่าว บางจุดมีระยะห่างกันแค่ 50 เมตร บางจุดห่างกัน 80-100 เมตร รวมทั้งราคาระบบโคมไฟถนนพลังแสงอาทิตย์ มีราคาสูงถึงต้นละ 65,000-70,000 บาท ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเป็นราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเมื่อการติดตั้งออกมาไม่ตรงกับสเป็กการจัดซื้อจัดจ้าง อดีตนายก อบต.ผู้ซึ่งลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอปะเหลียน ขอเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการเพื่อให้เป็นไปตามที่ อบต.กำหนด เพื่อความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ ต.เกาะสุกร โดยนายอำเภอปะเหลียนได้ทำหนังสือถึง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อให้พิจารณา
ท้ายที่สุดผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้มีหนังสือตอบกลับ อบต.เกาะสุกร ว่า การขออนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากผู้มีอำนาจอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้าง (นายก อบต.) ได้มีการลงนามในหนังสือสัญญาจัดซื้อจัดจ้างเรียบร้อยไปแล้ว ซึ่งตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 161 และ 165 เป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ จึงขอให้ อบต.เกาะสุกร พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการต่อไป
นายจำเริญ อนันต์พฤทธ์ อายุ 52 ปี ชาวบ้านเกาะสุกร กล่าวว่า ชาวบ้านอยากให้ ป.ป.ช.ส่วนกลาง เข้ามาตรวจสอบโครงการดังกล่าว เกี่ยวกับที่มาที่ไป และเหตุผลของการต่อสัญญาโครงการถึง 3 ครั้ง ซึ่งโครงการนี้ในตำบลอื่นๆ ที่ได้ทำพร้อมกันดำเนินการเสร็จแล้ว มีการส่งมอบงาน และเปิดใช้งานได้ตามปกติ เช่น ที่ อบต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน ซึ่งชาวบ้านมองว่าเกาะสุกรควรจะได้ของดี แต่ปรากฏว่าเสาไฟฟ้าส่องสว่างที่ได้มาติดบ้างดับบ้าง หรือไม่ได้สว่างนานถึงตอนเช้า แต่ตามสเป็กต้องส่องสว่างได้ 5 คืนติดต่อกัน และจริงๆ แล้วเริ่มสัญญาโครงการนี้ได้ลงนามเมื่อเดือนมีนาคม 2564 และได้ขยายสัญญามาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 จะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยพวกตนไม่ทราบเหตุผลในการขยายโครงการ
ส่วนนายบุญนำ อมรศิริปัญญา อายุ 53 ปี ชาวบ้านเกาะสุกรอีกราย กล่าวว่า ตนประเมินว่าระบบโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าว ไม่น่าจะมีราคาสูงถึงต้นละ 65,000 บาท โดยราคาถ้าเป็นบนบกน่าจะอยู่ที่ต้นละประมาณ 15,000 บาท แต่เมื่อนำมาสร้างบนเกาะ ค่าขนส่งวัสดุก่อสร้างจะสูงกว่าบนฝั่งประมาณต้นละ 5,000 บาท เชื่อว่าราคาจริงน่าจะตกที่ต้นละประมาณ 25,000 บาทเท่านั้น ขณะที่เหล็กที่นำมาทำเสา รวมทั้งน็อตที่ยึดติดกับพื้นปูน ไม่ใช่เป็นแบบฐานรากแบบสกรูติดตั้งสำเร็จรูป แต่ใช้น็อตขัน เชื่อว่าจะไม่ทนทานน้ำทะเล หากถูกน้ำทะเลท่วมถึงก็จะสึกกร่อน และพังเสียหายได้แน่นอน โดยราคาที่ปรากฏในสัญญาถือว่าสูงเกินไป จึงอยากให้หน่วยงานมาตรวจสอบ โดยส่วนตัวเชื่อว่าเกิดความไม่ชอบมาพากลในการติดตั้งดังกล่าวแน่นอน