โดย.. ศูนย์ข่าวภาคใต้
มหากาพย์ "รังนก" หายไปจากพื้นที่สัมปทานในหมู่เกาะสี่เกาะห้า อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ยังไม่มีทีท่าจะจบลงง่าย แม้ว่าชุดสืบสวนที่นำโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้ขอศาลออกหมายจับและหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนไปแล้วถึง 35 ราย!
ผู้ที่ตำรวจขอออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหามีทั้งสิ้น 21 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ประกอบด้วย 1.นายภูดิศ ชนะวรรณโณ นายอำเภอปากพะยูน 2.นายวิทยา นุ่นแจ้ง ผบ.ร้อย อส. 3.นายพิสาร ขาวนวล ปลัดอำเภอปากพะยูน 4.นายภานุมาต มาลาลิบ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดพัทลุง 5.นายไพโรจน์ ศรีทวี อส.จ.พัทลุง 6.นายจรูญศักดิ์ ศิริวัฒน์ อส.จ.พัทลุง 7.นายประวิทย์ ชูเกื้อ อส.จ.พัทลุง 8.นายสวัสดิ์ เพิ่มเดช อส.จ.พัทลุง ชุดปฏิบัติการคุ้มครองหมู่เกาะรังนกอีแอ่น 9.นายศราวุธ ชูชื่น ผู้ใหญ่บ้าน
10.พ.ต.อ.สิทธิพงศ์ สังข์แสง ผกก.สภ.ปากพะยูน 11.พ.ต.ท.สมยา คงวงศ์ สว.สภ.เกาะนางคำ 12.ร.ต.ท.อำนวย แสงสว่าง รอง สวป. สภ.เกาะนางคำ 13.ร.ต.ท.ญามีน โต๊ะหนู รอง สว.(สส.) สภ.เกาะนางคำ 14.ร.ต.ท.สุเชษฐ์ ทองเจือ รอง สวป.สภ.ปากพะยูน 15.ร.ต.ต.ศรชัย ผั่วเค่ง รอง สว.ป.สภ.ปากพะยูน 16.ด.ต.นฤชิต ชนินทยุทธวงศ์ ผบ.หมู่(ป.) สภ.ปากพะยูน
17.นายสิริชัย แก้วคงธรรม พนักงานพิทักษ์ป่า 18.นายทัศนัย ชูชื่น พนักงานพิทักษ์ป่า 19.นายบรรจบ ธัญพันญ ลูกจ้างประจำป่าไม้ 20.นายตุมัด ชูชื่น คนขับเรือลาดตระเวน และ 21.นายถาวร ขาวทอง อดีต อส.อ.ปากพะยูน
ส่วนผู้ที่ตำรวจขอออกหมายจับ ได้แก่ 1.นายสมพงศ์ พูลแก้ว 2.นายวีระ ล่ำไล่ 3.นายประชนภัย ล่ำไล่ 4.นายอรุณ ธรรมศรี (อดีต อส.รุณ) 5.นายนุภูล ย้อยแสง อส.ชุดปฏิบัติการคุ้มครองหมู่เกาะรังนกอีแอ่น 6.นายนิคม จาริยะ 7.นายประจวบ หีตฤทธิ์ 8.นายประจิม หีตฤทธิ์ 9.นายหร่อหมาน ไหลหมัด 10.นายทัศกร รอดรวยรื่น 11.นายสนธยา หีตฤทธิ์ 12.นายจินกร อัจฉราทิพย์ 13.นายร่อหาม หลับสะ และ 14.นายสุธรรม ขุนล่ำ
ตำรวจได้ตั้งข้อหาหลักๆ เป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ความผิดฐานร่วมกันเก็บรังนกที่มีอยู่ตามธรรมชาติบนเกาะหรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับสัมปทานจากคณะกรรมการฯ ร่วมกันเข้าไปกระทำการใดๆ บนเกาะ หรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่มีรังนกอยู่ตามธรรมชาติ อันเป็นหรืออาจเป็นอีแอ่น ไข่ของนกอีแอ่น หรือรังนก หรืออาจเป็นเหตุให้นกอีแอ่นละที่อยู่อาศัยไปจากเกาะหรือที่สาธารณสมบัติแผ่นดินตังกล่าว ตาม พ.ร.บ.อากรรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2540 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 และมาตรา 28
ร่วมกันเก็บทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งรังของสัตว์ป่าคุ้มครอง นำสัตว์ป่า หรือเก็บ หรือทำอันตรายแก่รังของสัตว์ป่านั้น ในพื้นที่ที่รัฐมนตรีประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 14 วรรคสอง
และกลุ่มที่สอง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
แม้ว่าจะได้ตัวผู้ต้องหามากถึง 35 คน แต่ชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ ยังคงลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าน่าจะมีคนใหญ่คนโตมากกว่าระดับนายอำเภอปากพะยูนร่วมขบวนการ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งร่วมในการสืบสวนคดีรังนก พร้อมทั้ง พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.พัทลุง พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผู้บังคับการกองอุทธรณ์ และหัวหน้าชุดสอบสวนคดีรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง นำทีมสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรพัทลุง ลงพื้นที่เกาะรังนกกลางทะเลสาบ เพื่อเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติม เก็บดีเอ็นเอจากเศษรังนก และส่วนอื่นๆ โดยได้ให้เจ้าหน้าที่เปิดห้องที่ใช้เก็บรังนกอีแอ่นที่สำนักงานของบริษัทฯ
เนื่องจากการสอบสวนผู้ต้องหาบางคนรับสารภาพว่า หลังจากที่แทงรังนกนำออกมาได้แต่ละครั้ง ได้นำรังนกไปเก็บไว้ในห้อง ก่อนที่จะรวบรวมส่งต่อออกไปขึ้นฝั่ง โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ในส่วนนี้จะต้องเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติม เพื่อจะได้ทราบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับการขโมยรังนกอีแอ่นอีกหรือไม่
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังได้เดินทางไปเก็บหลักฐานที่ถ้ำรื่นและถ้ำเนียงเคย พร้อมทั้งนั่งเรือดูรอบๆ เกาะ โดยเฉพาะจุดที่มีเจ้าหน้าที่นอนเฝ้าใกล้ปากถ้ำตลอด 24 ชั่วโมง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เกาะเพื่อเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติมหลังจากมีการเปิดเผยของผู้ต้องหา เพื่อนำมาประกอบสำนวนฟ้องในขบวนการขโมยรังนก โดยในกลุ่มผู้ต้องหามีระดับปฏิบัติการทั้งนายอำเภอและผู้กำกับการสถานีตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนเพื่อหาผู้บงการ
"คดีนี้ผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเสียเป็นส่วนใหญ่ โทษมีทั้งคดีอาญาและคดีเพ่ง เพราะรัฐเป็นผู้เสียหาย สมบัติชาติได้รับความเสียหาย และหากมีการสาวถึงใคร ไม่ว่าระดับไหนก็จะดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น"
นอกจากนี้ ระหว่างที่ชุดสืบสวนที่นำโดยนายสุรลักษณ์ รัตนศรี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 9 และ พ.ต.อ.กษิดิศ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เขต 9 สอบสวนพนักงานเพิ่มเติมและเก็บหลักฐานพื้นที่บริเวณถ้ำรังนก เพื่อที่จะรวบรวมเป็นข้อมูลในการสอบสวนเส้นทางการเงินของข้าราชการนั้น
ช่วงขณะที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนั่งเรือตรวจสอบบริเวณรอบเกาะรังนก ปรากฏว่ามี "ข้าราชการใน จ.พัทลุงรายหนึ่ง" โทรศัพท์มาพูดคุย และขอร้องเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทำนองว่า "อย่าสืบหาข้อมูลโยงเส้นทางการเงินของภรรยาข้าราชการระดับสูงรายหนึ่งใน จ.พัทลุง" โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการให้เกียรติ แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ตอบกลับไปว่า หากสาวถึงใครจะเอาให้หมด กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ก่อนจะวางสาย
เรื่อง "ภรรยาข้าราชการระดับสูง" ใน จ.พัทลุงนั้น ถ้าไปถามคนใน จ.พัทลุงว่า ระดับสูงที่กล่าวถึงคือสูงแค่ไหน หลายคนหัวเราะร่วนก่อนจะตอบว่า "ก็สูงมากๆ ในจังหวัดนั่นแหละ เขาถึงได้กล้าทำกันขนาดนี้" หากย้อนดูในช่วงรอยต่อของสัมปทาน ที่คาดว่าเป็นช่วงที่คนร้ายเข้าไปขโมยรังนักนั้น มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจำนวนมากกว่า 100 กว่าคนล้อมเกาะรังนกไว้ถึง 3 ชั้น ซ้ำยังมีเจ้าหน้าที่เฝ้าหน้าถ้ำไว้ด้วย รังนกยังหายไป 5-6 แสนรังในถ้ำ 7 แห่ง
นอกจากจะมี "ภรรยาข้าราชการระดับสูง" เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังแล้ว คนพัทลุงเขายังคุยกันว่า รอบนี้ ที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตจนมีคนระดับนายอำเภอ ผู้กำกับ และข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ หลายรายถูกเรียก ถูกจับเป็นผู้ต้องหานั้น เป็นเพราะ "ติดเบ็ด" ของบริษัทฯ ที่วางเหยื่อก้อนโตไว้ก่อนจะหมดอายุสัมปทาน ซึ่งประเมินกันไว้ว่า น่าจะเป็นเดิมพันที่สูงถึง 80 ล้านบาท!
คนเขาลือกันว่า ที่ผ่านมา ใครเข้ามารับสัมปทานเก็บรังนกที่ จ.พัทลุง ก็ใช่ว่าจ่ายค่าสัมปทานแล้วก็จบๆ กันไป ได้เข้าเกาะเข้าถ้ำไปทำมาหากินกันได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ตลอดอายุสัมปทาน มักจะมีหลายคนมาสะกิดว่า "ต้องจ่ายเพิ่ม" สะกิดกันเรื่อยจนกลายเป็นความเคยชิน แต่บริษัทเริ่มรู้สึกว่า แบบนี้คงไม่ไหว ก่อนหมดอายุสัมปทานจึงวางเหยื่อไว้โดยการไม่เก็บรังนกให้หมด
แต่เรื่องนี้ บริษัท สยามเนสท์ฯ ยืนยันว่า ไม่ได้วางเหยื่ออะไรไว้ เป็นความเข้าใจผิดของคนที่เอาไปเล่าต่อกันไป การที่ยังคงมีรังนกเหลืออยู่ในช่วงหมดอายุสัมปทานแล้ว นั่นก็เพราะว่า บริษัทตั้งใจจะมีส่วนช่วยอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อม ให้มีรังนกตามธรรมชาติยังคงอยู่ในถ้ำเท่านั้น
เรื่องราวมหากาพย์รังนก จ.พัทลุงจะจบลงเช่นไร ก็คงต้องดูฝีมือของชุดสืบสวน ที่นำทีมโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ว่าจะสาวลงไปได้ลึกแค่ไหน จะรื้อได้ทั้งยวง หรือเจอตอไปไม่ถึง "ผู้บงการ" ซึ่งน่าจะมีหวังอยู่บ้าง อย่างน้อยๆ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งร่วมทีมสืบสวนด้วย ก็ได้ลั่นวาจาไว้แล้วว่า จะกวาดล้างขบวนการขโมยรังนกทั้งหมด จะไม่มีการขโมยรังนกในพื้นที่ จ.พัทลุง อีกต่อไป!


