ชุมพร - ทหารพรานวัย 32 ปี กลับจากชายแดนใต้ ยิงรัวพ่อเลี้ยงวัย 37 ปี 5 นัด ดับคาบ้าน ตำรวจไล่สกัดจับได้ขณะหนีข้ามอำเภอ แฉปมเหตุไม่ชอบพ่อเลี้ยงวัยใกล้เคียงเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับแม่ ขณะที่ผู้ต้องหายังให้การวกวน
วานนี้ (8 พ.ย.) ร.ต.อ.บรรจบ กุมวิมล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 107/2 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.ท.สมภพ เชื้อทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ชนะภัย บุญนาค สวป. ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ริมถนนคอนกรีต ในหมู่บ้านพื้นที่ใกล้เขตติดต่อกับ จ.ระนอง ภายในบ้านใกล้กับประตูทางเข้าพบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายนิรัช ปัจฉิมมา อายุ 37 ปี สภาพศพไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นลายขาวดำ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่แก้มซ้าย 1 นัด ลำตัว 2 นัด ขาซ้าย 1 นัด และขาขวา 1 นัด รวม 5 นัด ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 5 ปลอก เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่สอบถาม นางกาญจนา ขุนภิรมย์ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย ในสภาพมื้อเท้าเปื้อนเลือดให้การเบื้องต้นว่า คนร้ายที่ลงมือยิงนายนิรัช สามีตน คือลูกชายแท้ๆ ของตนเอง ชื่อ นายชนม์ชนก ฤตชนม์ อายุ 32 ปี เป็นทหารพรานปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนใต้ และเป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะตอนครึ่ง สีขาว ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียนหลบหนีไปแล้ว
นางกาญจนา กล่าวต่อว่า ลูกชายตนเป็นทหารพรานอยู่ชายแดนใต้ประมาณ 7-8 ปี แล้ว นานๆ จะกลับบ้าน ส่วนผู้ตายเพิ่งจะมาอยู่กินกับตนได้ 8 เดือน ทุกครั้งที่ลูกชายตนกลับบ้านเห็นลูกชายพูดคุยกันด้วยดีกับพ่อเลี้ยง แต่ลูกชายตนจะเรียกพ่อเลี้ยงว่า “บ่าว” ทางใต้ความหมายคือพี่ชายนั่นเอง ก่อนเกิดเหตุลูกชายลากลับบ้านจากชายแดนใต้ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยลูกชายไปนอนพักที่โรงแรมในตัวเมืองชุมพรและบ้านแฟนสาว
นางกาญจนา กล่าวต่อว่า ตอนเช้าตนได้พาสามีคือผู้ตายไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โรงพยาบาลท่าแซะ ช่วงบ่ายกลับบ้านและมาพบลูกชายซึ่งมาหาที่บ้าน แต่ลูกชายมีอาการแปลกๆ ได้ซื้อมาลัยดอกไม้มาให้ตน แล้วบอกว่าจะเอามากราบขอขมาแม่ และเห็นมือลูกชายสั่นๆ ตนถามกลับไปว่ายังไม่ได้กลับแล้วเอาดอกไม้มาขอขมาทำไม แต่ลูกชายไม่พูดอะไร จากนั้นลูกชายได้ชวนตนไปกินอาหารในตัวเมืองชุมพร โดยตนได้พาสามีคือพ่อเลี้ยงและหลานไปด้วย ลูกชายตนไม่ได้แสดงอาการอะไร และยังจ่ายเงิน 500 บาท เลี้ยงพวกตนด้วย
นางกาญจนา กล่าวว่า เมื่อกลับมาจากกินอาหารในตัวเมืองชุมพร ลูกชายขับรถยนต์เข้ามาจอดข้างบ้าน แล้วยกต้นไม้ในกระบะหลังลง ส่วนสามีตนเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าในบ้าน และตนเดินเข้าไปในสวนข้างบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังรัวถี่ยิบ เมื่อตนวิ่งมาดูพบว่าสามีตนถูกลูกชายยิงล้มลงกองกับพื้นแล้วตนเข้าไปกอดสามี และถามลูกชายว่าทำไม่ต้องทำแบบนี้ ลูกชายตนบอกว่า “แม่อย่าแจ้งความนะ” แล้วลูกชายขับรถยนต์หลบหนีไป หลังจากนั้นตนโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจดังกล่าว
ขณะที่ นางภาวิณี ปัจฉิมมา อายุ 59 ปี แม่ของ นายนิรัช ปัจฉิมมา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าลูกชายไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่โรงพยาบาลท่าแซะ และยังมาหาตนที่บ้าน จากนั้นไม่นานมีเสียงคล้ายลูกเลี้ยงโทร.มาหาเรียกชื่อว่า “บ่าวๆ” ให้กลับมาบ้านด่วน แล้วลูกชายตนรีบกลับไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นผ่านไปราว 2 ชั่วโมง มีคนโทร.มาแจ้งว่าลูกชายตนถูกยิงตายแล้ว
ในช่วง 7-8 เดือน ที่ลูกชายมาอยู่กับเมียคนนี้ ตนรู้สึกไม่ดีเลยเพราะลูกมีปัญหาและกลับมาบ้านหลายครั้ง แต่ลูกชายไม่เคยบอกว่ามีปัญหาอะไรกัน ตนแค่บอกลูกชายว่ายังไงก็ขอให้กลับมาบ้านเรา เพราะตนมีสวนทุเรียน มีสวนยางพารา ฐานะไม่ได้ลำบากอะไรเลย จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ด้าน น.ส.ชญนิษา ปัจฉิมมา อายุ 40 ปี พี่สาวผู้ตายกล่าวว่า น้องชายตนเลิกกับภรรยาเก่าที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 9 ขวบ แล้วหนีมาอยู่กับเมียใหม่คนนี้ ซึ่งเป็นแม่หม้าย ช่วง 8 เดือน น้องชายตนโทร.มาปรึกษาปัญหาตลอด ว่ามีปัญหากับภรรยาใหม่และกลับมาอยู่บ้านที่ อ.ท่าแซะ หลายครั้ง แต่ภรรยาใหม่โทร.มาง้อจนน้องชายตนใจอ่อนกลับไปหาทุกครั้ง และเท่าที่ทราบคนก่อเหตุไม่อยากมีพ่อเลี้ยง ไม่ต้องการให้แม่ของตนเองมีสามีใหม่ จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ขณะที่วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองชุมพร พร้อมด้วยตำรวจสายตรวจ 191 และตำรวจจราจร สภ.สวี จ.ชุมพร นำกำลังร่วมกันสกัดจับกุมตัว นายชนม์ชนก ฤตชนม์ อายุ 32 ปี ได้บนถนนสาย 4003 มุ่งหน้าเข้าอำเภอสวี ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 100 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 กิโลเมตร ตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืนชนิดแมกกาซีน ขนาด 9 มม. สีดำ 1 กระบอก วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ ภายในแมกกาซีนบรรจุกระสุนอยู่ 5 นัด ที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลังมีเสื้อทหารพราน ระบุหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน สังกัดกรมทหารพรานที่ 45 วางอยู่ 1 ตัว และบนที่วางเท้าพบแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลข บร 5004 ชุมพร จำนวน 2 แผ่น วางอยู่ที่พักเท้าหลังคนขับ จึงตรวจยึดไว้เป็น
นายชนม์ชนก บอกว่า ตนเองเป็นทหารพรานอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส ได้ลาพัก 10 วัน หลังจากก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยงได้ขับรถยนต์หลบหนีมุ่งหน้าลงใต้บนถนนเอเชีย 41 จนมาถูกสกัดจับได้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุนายชนม์ชนก พูดบอกว่าเนื่องจากแม่ได้ออกจากคุกและได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และบ้านตรงข้ามได้มั่วสุมเสพยาเสพติดแจ้งเพื่อนให้เข้าไปจับแล้วไม่มีผลอะไรก็ยังมั่วสุมกันอยู่จึงก่อเหตุยิงดังกล่าว และพูดจาแบบวกวนเหมือนคนเลอะเลือน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองชุมพรได้นำตัวผู้ก่อเหตุส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป