ยะลา - “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ประกาศมาตรการ 17+1 บริหารจัดการผลไม้เชิงรุกจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชื่นชม ศอ.บต.ทำงานดี เห็นผลการพัฒนา เร่งดำเนินการให้ประสบผลสำเร็จ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ มีกำหนดปฏิบัติราชการออนทัวร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 14-16 ตุลาคม 2564
โดยวันนี้ (15 ต.ค.) รองนายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางเยือนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในเวลา 16.00 น. เพื่อประชุมหารือร่วมกับผู้บริหาร ศอ.บต. ในการติดตามการพัฒนา ณ ห้องประชุมอาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ร่วมประชุมหารือในครั้งนี้
รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายภายหลังฟังผลการดำเนินงานของ ศอ.บต.ว่า การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการดำเนินงานของ ศอ.บต. ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดน มีความชัดเจนเห็นเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องการขับเคลื่อนเมืองต้นแบบที่ 4 นิคมอุตสาหกรรมจะนะ และการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาผลไม้ในพื้นที่ เป็นทิศทางที่ถูกต้อง และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศผลิตอาหารของโลก จะขับเคลื่อนให้อยู่ในอันดับที่ 1 ของโลก จากอันดับที่ 11 ในขณะนี้ การส่งออกสินค้าฮาลาลจึงเป็นเรื่องสำคัญ และไม่มีพื้นที่ใดเหมาะสมในการแปรรูปอาหารฮาลาลเท่ากับจังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม ขอประกาศมาตรการ 17+1 การบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกปี 2565 โดยมาตรการ 17 ด้าน เป็นมาตรการที่หนุนเสริมแล้วในภาคตะวันออกของประเทศ ส่วน +1 เป็นมาตรการเร่งรัดการเปิดด่านชายแดนใต้ เพื่อระบายสินค้าทางการเกษตรไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น เนื่องจากในปี 2563 ชายแดนใต้ส่งออกผลไม้ มีมูลค่ากว่า 765 ล้านบาท แต่ในปีนี้ส่งออกได้ถึง 1,447 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 6 เดือน
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้ ศอ.บต. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ภาครัฐสามารถส่งเสริมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ได้ในอนาคต พร้อมมอบหมายการขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจำเป็นต้องเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไปให้ประสบความสำเร็จ เป็นอุตสาหกรรม BCG หรืออุตสาหกรรมสีเขียว
ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรที่ส่งออก รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือ 2 เรื่อง คือ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้ 3 เปอร์เซ็นต์ และกระทรวงพาณิชย์ ช่วยเหลือเกษตรกรส่งออกผลไม้ กิโลกรัมละ 5 บาท อย่างไรก็ตาม สำหรับการวางแนวทางการส่งเสริมการปลูกทุเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลไม่ได้เน้นวางมาตรการในการส่งเสริมการปลูก แต่เน้นการส่งออก ซึ่งหากการส่งออกมีมาก เกษตรกรควรจะปลูกให้มากขึ้น อย่างไรแล้วทุเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการปลูกอยู่ในทุกพื้นที่ และถือเป็นทุเรียนที่พัฒนาได้ ซึ่งถือเป็นทุเรียนที่ได้รับมาตรฐาน ตลาดทั่วไปยอมรับถึงความพิเศษของทุเรียนในพื้นที่ที่อร่อยแตกต่างจากที่อื่น
สำหรับกิจกรรมออนทัวร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยี่ยมชมการแปรรูปทุเรียน ณ บริษัท ม่านกู่หวางฟู๊ด จำกัด และติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าใน จ.สงขลาอีกด้วย