ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตเผย 9 เดือนแรกปีนี้ ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามา 7 หมื่นคน รายได้แค่ 7,000 ล้าน จากเดิม 4.4 แสนล้าน ทำคนภูเก็ตลำบากมาก วางยุทธศาสตร์ก้าวต่อไปหลังโควิด-19 สร้างรายได้ที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยว ทำให้ภูเก็ตเข้มแข็ง และกลับมาสร้างรายได้ให้ประเทศเช่นเดิม
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงรายได้ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวของภูเก็ตในปี 2564 นี้ ในรายการ “ผู้ว่าฯรายงานประชาชน” เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากข้อมูลของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตรวจคนเข้าเมือง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ต ตามสถิติปี 2562 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 14 ล้านคน สร้างรายได้ 4.4 แสนล้านบาท ต่อมาในปี 2563 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นปี นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติเข้ามาภูเก็ต 4 ล้านคน หายไปกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ทั้งปีประมาณ 2 แสนล้าน พอมาในปี 2564 นี้ ท่องเที่ยวภูเก็ตซบเซาอย่างหนักทั้งตลาดคนไทยและต่างชาติ โดยในช่วง 9 เดือน นักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 70,000 คน แบ่งเป็นคนไทย 30,000 คน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามากับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 40,000 กว่าคน ทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.อยู่ที่ 4,900 ล้านบาท และในช่วง ก.ค.- ก.ย.รายได้เกิดขึ้น 2,100 ล้านบาท รวมรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท
“จะเห็นว่ารายได้ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวน้อยมาก เพื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 จึงทำให้เศรษฐกิจภูเก็ตถดถอย ประชาชนชาวภูเก็ตได้รับความยากลำบากอย่างหนัก จากที่ไม่มีงานทำและไม่มีรายได้ ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของภูเก็ตพึ่งพาการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว เมื่อท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวไม่เดินทางเข้ามา ทำให้คนภูเก็ตไม่รายได้ คนภูเก็ตตั้งแต่ระดับเจ้าของกิจการ จนถึงกลุ่มรากหญ้าได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้า” ผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าวต่อว่า
ดังนั้น เพื่อเป็นการวางยุทธศาสตร์ไม่ให้เศรษฐกิจของภูเก็ตในอนาคตได้รับผลกระทบมากเหมือนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ หากเกิดสถานการณ์ที่การท่องเที่ยวซบเซา จังหวัดภูเก็ตจึงได้วางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูเก็ตไม่ให้พึ่งพาการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว โดยเพิ่มให้มีสาขาอาชีพในภูเก็ตให้หลากหลายขึ้น เช่น เพิ่มรายได้จากภาคการเกษตรให้เพิ่มขึ้นแม้ว่ารายได้จากภาคการเกษตรของภูเก็ตจะน้อยมากแค่ 2.7% ของรายได้ทั้งหมด และพื้นที่การทำเกษตรมีไม่มากนักแต่เป็นการทำการเกษตรที่เพิ่มมูลค่า การประมงที่จะทำให้อย่างไรให้ทะเลภูเก็ตเป็นอ่างเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ เพิ่มรายได้จากภาคประมงให้ประมงพื้นบ้านให้มากขึ้น รวมถึงประมงพาณิชย์
รวมไปถึงพัฒนาให้ภูเก็ตเป็นสปอร์ตทัวรึซึม ดึงกีฬาระดับโลกมาแข่งขันในภูเก็ต การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมไปถึงการดูแลรักษาพยาบาล ทำให้ภูเก็ตเป็นมารีนาฮับ เป็นเมืองของการประชุมสัมมนาและแสดงสินค้า เป็นต้น
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้เป็นยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตต่อไปหลังจากนี้ เพื่อเพิ่มรายได้และทำให้เศรษฐกิจของภูเก็ตมีความเข้มแข้ง และให้ภูเก็ตกลับมาเป็นเมืองที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศต่อไป