ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวสงขลาโวยคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาเผาองค์พระ วัตถุโบราณอายุร่วม 100 ปี คณะกรรมการแจงชำรุดเกินซ่อมได้ ปลวกกินเนื้อไม้ภายใน ผู้สร้างถวายแสดงเจตจำนงให้มีการส่งองค์เดิมสู่สวรรค์ พร้อมหาองค์ใหม่มาทดแทน เรื่องไม่จบ ชาวสงขลาโต้องค์พระเป็นสาธารณสมบัติ คณะกรรมการหรือผู้สร้างถวายไม่มีสิทธิทำแบบนี้
วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ จ.สงขลา กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อมีชาว จ.สงขลาหลายคนตั้งคำถามถึงการเผาองค์พระในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ถึงขั้นที่มีการทำป้ายไวนิลไปติดที่ด้านล่างของป้ายชุมชนย่านเมืองเก่า ซึ่งอยู่ติดกับรั้วศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ถนนนางงาม นอกจากนี้ ยังมีการแชร์เรื่องนี้ไปในโลกโซเชียล เช่น ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "นิตยา เจ้นิ แสงสุวรรณ" ระบุว่า ขอคำตอบให้ชาวสงขลาด้วย การนำพระเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองไปเผามันถูกต้องแล้วหรือ พระเจ้าทุกองค์ที่ประทับในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองล้วนศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนจากทั่วสารทิศมากราบไหว้เป็นเวลาช้านาน แต่พวกท่านกลับนำท่านไปเผา บาปกรรมมีจริง
"ถ้าว่าองค์พระ องค์เทพชำรุดซ่อมไม่ได้ ทำองค์ใหม่แทนก็ไม่สมควรนำไปเผา เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ยังดีกว่า เมืองจีน องค์พระองค์เจ้า เทวรูปอายุเป็น 1,000 ปี เขายังเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ ไม่เข้าใจการกระทำในครั้งนี้ โปรดชี้แจงให้ชาวบ้านหายสงสัยที คณะกรรมการดูแลศาลเจ้าว่าพรื่อ"
ด้านศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา และสมาคมฮกเกี้ยน ได้ชี้แจงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก "ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา" โดยระบุว่า สืบเนื่องจากข่าวเกี่ยวกับการส่งองค์พระที่ชำรุด จำนวน 6 องค์ สมาคมฮกเกี้ยนสงขลา/ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะนี้ คณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาในชุดปัจจุบันมีนายคณธร รัตนปราการ เป็นนายกสมาคมฮกเกี้ยนสงขลา และประธานผู้จัดการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา สำหรับหน้าที่การส่งองค์พระที่ชำรุดเป็นหน้าที่ของฝ่ายพิธีกรรมและฝ่ายสถานที่ โดยความเห็นชอบของประธานคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาและผู้สร้างถวายให้ดำเนินการด้วยเหตุผลดังนี้
1.องค์พระยาวิเชียรคีรี และองค์พระจูฮู้อ๋องเอี๋ยมีปลวกกัดกินภายในถึงศีรษะ ซึ่งซ่อมแซมไม่ได้ คณะกรรมการจึงปรึกษาผู้สร้างถวายคือ นายสมบัติ เหาตะวานิช รองนายกสมาคมฮกเกี้ยนสงขลา/ผู้ตรวจตราสอดส่องศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ซึ่งนายสมบัติ เหาตะวานิช แสดงเจตจำนงให้มีการส่งองค์เดิมสู่สวรรค์ นอกจากนั้น เจ้าขององค์พระยังได้จัดหาองค์ใหม่มาทดแทนให้ด้วย
2.เทวดาบริวารในศาลปุนเถ่ากง จำนวน 2 องค์ ซึ่งได้นำมาจากศาลเจ้าปุนเถ่ากงในลักษณะสภาพเดิมห่อผ้ามาเนื่องจากปลวกกัดกินชำรุดเสียหายเป็นอย่างมากและศีรษะได้หายไป และศาลเจ้าได้สร้างองค์บริวารขึ้นใหม่ทดแทน
3.องค์พระเฮียนเทียนส่งเต่ จำนวน 2 องค์ ซึ่งเป็นพระส่วนตัวของรองนายกสมาคมฮกเกี้ยนสงขลา/ผู้จัดการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ซึ่งไม้แตกชำรุดและได้นำมาฝากไว้ ณ ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งไม่ได้เป็นของศาลเจ้าและผู้เป็นเจ้าของมีความประสงค์ให้ส่งองค์พระร่วมด้วย
"การส่งองค์พระชำรุดในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนพิธีกรรมและทำการบูชาเพลิงส่งกระดาษทองตามเจตจำนงของผู้สร้างองค์เดิม จึงเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงมาเพื่อโปรดทราบ และหวังว่าทุกท่านเข้าใจในวัตถุประสงค์ในการดำเนินการดังกล่าว"
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการชี้แจงแล้ว แต่ยังมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของคณะกรรมการ โดยเฉพาะได้แสดงความเห็นในโพสต์ดังกล่าว เช่น ระบุว่า "ชำรุดแค่ไหน ควรมีวิธีการตรวจสอบการชำรุด และควรแจ้งให้ทราบทั่วกัน ทำพิธีเผาส่งพระ ทำไมกรรมการ ผจก.ศาลเจ้า หลายคนไม่ทราบเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ปิดศาลเจ้า ห้ามใครเข้าเด็ดขาด แล้วให้ใครเข้าไปร่วมพิธี"
"คณะกรรมการศาลเจ้า หรือแม้แต่ผู้สร้างถวายไม่มีสิทธิทำแบบนี้ เพราะองค์พระไม่ใช่สมบัติส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคล แต่เป็นสาธารณสมบัติของคู่บ้านคู่เมือง ศรัทธาและคุณค่าทางจิตใจ มีค่ามากมายมหาศาล จริงๆ องค์พระเป็นสมบัติของลูกหลานเชื้อสายจีน รวมถึงคนสงขลาทุกคน ไม่ถือเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้ที่นำองค์พระมาให้ศาลเจ้าตั้งแต่วันที่นำมาให้แล้ว เป็นสาธารณสมบัติ เก่าแก่กว่า 100 ปี ทำไมเลือกที่จะทำลาย แทนที่จะเป็นการบูรณะปฏิสังขรณ์"
