xs
xsm
sm
md
lg

อวสาน “เดอะพีค เรสซิเดนซ์” คอนโดหรู 2,100 ล้านย่านกะรน เจ้าของยอมรื้อหลังศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อวสาน “โครงการเดอะพีค เรสซิเดนซ์” คอนโดหรู มูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท บนพื้นที่ 17 ไร่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต หลังศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดที่ตั้งโครงการเป็นพื้นที่ป่าและออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดเจ้าของยอมรื้อแล้ว



จากกรณีที่มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อเดือน พ.ย.63 ระบุว่า พื้นที่ที่ตั้งโครงการเดอะพีค เรสซิเดนซ์ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่ป่าและมีการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมายป่าไม้ โดยผู้เชี่ยวชาญอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศชี้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้มีสภาพของป่าที่ไม่ผลัดใบ ไม่มีการครอบครองทำประโยชน์มาก่อน จึงเป็นการออกเอกสารสิทธิมิชอบส่งผลให้การอนุญาตการก่อสร้างไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยนั้น

ล่าสุด ทางเจ้าของโครงการเดอะพีค เรสซิเดนซ์ ได้ทำหนังสือถึงเทศบาลตำบลกะรน ขออนุญาตรื้ออาคาร และโครงสร้างอาคารทั้งหมดแล้ว โดยเรือเอกเจด็จ วิชรศรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางโครงการได้ทำหนังสือเพื่อขอรื้ออาคารสิ่งปลูกสร้างที่ได้ขออนุญาตกับทางเทศบาลมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ติดขัดปัญหาเรื่องของการขนย้ายซากทำให้ระยะเวลาล่วงเลยมา แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มาขออนุญาตรื้ออาคารสิ่งปลูกสร้างอีกครั้ง


ซึ่งหลังจากที่เทศบาลได้อนุญาตให้มีการรื้ออาคารได้ตามคำขอ ทางบริษัทได้ดำเนินการรื้ออาคาร โดยเริ่มจากส่วนที่เปิดเป็นร้านกาแฟ และทุบทำลายโครงสร้างอาคารบางส่วนแล้ว ซึ่งในการรื้อนั้นทางบริษัทจะต้องดำเนินการทุบและรื้อเศษวัสดุทั้งหมดออกจากพื้นที่ป่าจนเหลือแต่เป็นพื้นที่ดินที่จะสามารถปลูกต้นไม้ชดเชยของเดิมได้ ส่วนเศษวัสดุต่างๆ นั้น ทางบริษัทจะต้องนำออกจากพื้นที่ทั้งหมด

ขณะที่แหล่งข่าวจากสำนักหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก. 2 (ภูเก็ต) ระบุว่า พื้นที่ที่ตั้งโครงการเดอะพีค เรสซิเดนซ์ มีจำนวน 17 ไร่ ซึ่งการรื้ออาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ จะต้องรื้อออกให้หมดเพื่อคืนสภาพพื้นที่ป่าให้กลับมาเหมือนเดิมมากที่สุด หลังจากมีการรื้ออาคารออกไป ทางป่าไม้จะต้องเข้าไปดูแลปลูกป่าให้มีความสมบูรณ์ และดูแลไม่ให้มีการบุกรุกใหม่เกิดขึ้น ส่วนจะนำพื้นที่มาทำอะไรนั้นคงจะต้องดูกันไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งคงต้องร่วมกับกลุ่มบุคคลกลุ่มชุมชน หรือองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่นั้นๆ เพื่อช่วยกันมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการป่าเพื่อนันทนาการ และให้เป็นสาธารณะสมบัติของส่วนรวมต่อไป

สำหรับโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรู “เดอะ พีค เรสซิเดนซ์” บนเนินเขาหาดกะตะน้อย หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของ บริษัท กะตะ บีช จำกัด ที่มีนายมนัสนันท์ นรารัตน์วันชัย เป็นกรรมการผู้จัดการ เคยมีการตรวจสอบมาแล้วหลายครั้ง หลังผู้ประกอบการและชาวบ้านหาดกะตะน้อย ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1863 เนื้อที่ 17 ไร่เศษ ที่ตั้งของโครงการ ซึ่งศาลปกครองนครศรีธรรมราชได้สั่งเพิกถอน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้เทศบาลตำบลกะรนสั่งระงับการก่อสร้างโครงการ โดยระบุว่า เอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง ศาลสั่งให้เพิกถอนแล้ว เทศบาลตำบลกะรน ไม่สามารถออกใบอนุญาตก่อสร้างได้ แม้แต่ กอ.รมน. ก็เคยลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการนี้มาแล้วเช่นกันเมื่อเดือน มี.ค.2561 ที่ผ่านมา


และกลายเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ นายสิระ เจนจาคะ พร้อมด้วย ส.ส.ร่วมพรรค จังหวัดสงขลา และ ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ออกมาแถลงข่าวการตรวจสอบโครงการ เดอะ พีคฯ และทวงคืนผืนป่า หลังมีการร้องเรียน สำหรับปมปัญหาที่มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ มุ่งไปที่ การอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก.เลขที่ 1863 เนื้อที่ 17 ไร่เศษ ที่ตั้งของโครงการอยู่ในพื้นที่ป่า ความลาดชันเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การจัดทำรายงานศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการ การเรียกร้องให้เทศบาลตำบลกะรนสั่งระงับการก่อสร้าง เทศบาลตำบลกะรนออกใบอนุญาตไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อย้อนกลับไปดูที่มาของ น.ส.3 ก.ฉบับนี้จะเห็นมีที่มาที่ซับซ้อน โดยเริ่มจากปี 2536 มีผู้ยื่นคำขอออกหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ต่อทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต จำนวน 5 คน คือ นายสุชาติ รักสงบ นายเกษม แสงสว่าง นางสายใจ ลักษณะมั่น นายประเสริฐ ชูภักดิ์ และนายยงยุทธ บัวทองคง ตามคำขอฉบับที่ 142/37 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536

ต่อมา ปี 2547 นายสิกรณ์ ภูมิกำจร อ้างว่าได้ซื้อที่ดินจากนายเกษม แสงสว่าง จำนวน 6 ไร่ 2 งาน และยื่นขอออก น.ส.3 ก. ด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้นมีหนังสือที่ ภก 0019.3/6291 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2547 แจ้งนายเกษม แสงสว่าง และผู้ยื่นขออีก 4 คน ซึ่งรวมทั้งนายสุชาติ รักสงบ และนายสิกรณ์ ภูมิกำจร ด้วยว่า ไม่สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้ได้


ปี 2548 นายเกษม แสงสว่าง และนายสิกรณ์ ภูมิกำจร จึงนำคดีไปฟ้องศาลปกครองนครศรีธรรมราช เป็นคดีหมายเลขดำที่ 154/2548 ว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ปี 2551 ศาลปกครองนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่ ภก 0019.3/6291 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2547 ให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ถูกต้องต่อไป ตามคดีหมายเลขแดงที่ 164/2551 ลงวันที่ 29 กันยายน 2551 ปี 2552 นายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ในขณะนั้น ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว มีความเห็นไม่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ นายเกษม แสงสว่าง กับพวกรวม 4 คน (รวมทั้งนายสุชาติ รักสงบ และนายสิกรณ์ ภูมิกำจร) และยังได้รายงานให้ศาลปกครองนครศรีธรรมราชทราบ ตามหนังสือที่ ภก 0019.3/15352 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2552

ซึ่งตามกฎหมาย นายเกษม แสงสว่าง กับพวกรวม 4 คน (รวมทั้งนายสุชาติ รักสงบ และนายสิกรณ์ ภูมิกำจร) จะต้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองภายในระยะเวลา 30 วัน หรือไปยื่นฟ้องศาลปกครองภายในระยะเวลา 90 วัน แต่นายเกษม แสงสว่าง กับพวกรวม 4 คน ไม่อุทธรณ์คำสั่ง หรือไปยื่นฟ้องศาลปกครองภายในกำหนดระยะเวลา จึงถือว่าที่ดินแปลงนี้ไม่สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้แล้ว และถือได้ว่าเป็นการสิ้นสุดกระบวนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตามที่ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาในคดีแดงหมายเลขที่ 164/2551 ลงวันที่ 29 กันยายน 2551 แล้ว ศาลปกครองนครศรีธรรมราชจึงมีคำสั่งยุติการบังคับคดี และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองนครศรีธรรมราช


ต่อมา วันที่ 28 ธันวาคม 2554 นายสุชาติ รักสงบ อ้างคำขอฉบับเดิม คือ คำขอฉบับที่ 142/37 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2536 โดยมอบอำนาจให้ นายบุญชู ดำรงกิจการวงศ์ มายื่นเรื่องขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้น ใช้ระยะเวลา 3 เดือนเศษ ออก น.ส.3 ก. เลขที่ 1863 ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา ให้กับนายสุชาติ รักสงบ หลังจากนั้น 1 วัน คือ ในวันที่ 18 เมษายน 2555 นายสุชาติ รักสงบ ได้ขายที่ดินต่อให้นายบุญชู ดำรงกิจการวงศ์ และผ่านมาอีก 1 วัน คือ ในวันที่ 19 เมษายน 2555 นายบุญชู ดำรงกิจการวงศ์ ได้ขายต่อที่ดินแปลงดังกล่าวให้ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ กับนายทรงชัย อัจฉริยหิรัญชัย

นายสิกรณ์ ภูมิกำจร เห็นว่า นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ไม่ออก น.ส.3 ก.ให้ตนด้วย จึงนำคดีไปฟ้องศาลปกครองนครศรีธรรมราช หมายเลขคดีดำเลขที่ 147/2555 วันที่ 31 สิงหาคม 2560 ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ 266/2560 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1863 โดยให้มีผลย้อนหลังนับจากวันที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวคือ นับแต่วันที่ 17 เมษายน 2555 และเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราช ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อที่ 29 กันยายน 2560

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 พ.ย.63 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเพิกถอน น.ส.3 ก.เลขที่ 1863 ม. 2 ต.กะรน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.632/2500 คดีหมายเลขแดงที่ อ.1267/2563 ซึ่งคามคำพิพากษาดังกล่าวส่งผลให้ที่ดินดังกล่าวกลับสู่สภาพเดิม จนเป็นที่มาของการปิดฉาก “โครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์”


อย่างไรก็ตาม สำหรับที่ดินดังกล่าว ทาง กะตะ บีช จำกัด ได้ซื้อต่อมาจาก พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ และนายทรงชัย อัจฉริยหิรัญชัย ในราคา 445 ล้านบาท และ ได้จ่ายเงินไปแล้ว 150 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นโครงการ “เดอะ พีค เรสซิเดนซ์” มูลค่าโครงการกว่า 2,100 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารคอนโด 2 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำ อาคารที่เป็นในส่วนของโรงแรม และอาคารส่วนประกอบอื่นๆ รวมทั้งโครงการกว่า 400 ห้อง ขายให้คนต่างชาติและคนไทยที่ต้องการซื้อเพื่อการลงทุนและเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งขายได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียง 3-4 ยูนิตเท่านั้น ลูกค้าเกือบทั้งหมดเป็นคนต่างชาติ ทั้ง งรัสเชีย จีน และยุโรป

ขณะที่นายมนัสนันท์ นรารัตน์วันชัย เจ้าของโครงการเดอะพีคเรสซิเดนซ์ เคยออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ ว่า ที่ดินแปลงนี้มีคำพิพากษาสูงสุดพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วว่าต้องเพิกถอน เรายอมรับคำพิพากษา ทางบริษัทรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยย้ายลูกค้าทั้งหมดในโครงการฯนี้ ไปอยู่โครงการของบริษัทฯ ที่ใหญ่กว่านี้และที่ดินแปลงดังกล่าวมีโฉนดอยู่ที่หาดสุรินทร์ จังหวัดภูเก็ต


กำลังโหลดความคิดเห็น